สร้างความฮือฮาข้ามคืนกรณีแสงสีเขียว ที่เห็นจากเขาพะเนินทุ่ง อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ซึ่งแม้ว่าสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (สดร.) จะเฉลยว่าแสงสีเขียวดังกล่าวไม่ใช่แสงเหนือ ไม่ใช่แสงออโรร่า แต่เป็นแสงจากเรือไดหมึก
อย่างไรก็ตาม ล่าสุด เพจเฟซบุ๊กกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ระบุว่า ยังมีแสงเขียว ชมแสงสีเขียวคืนที่ 2 ที่พะเนินทุ่ง อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน
ขณะที่ ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดีคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตร ศาสตร์ (มก.) โพสต์เฟซบุ๊ก Thon Thamrongnawasawat ระบุว่า แสงของเรือไดหมึก เรื่องนี้คงเคลียร์แล้ว แต่ทำไมชาวประมงต้องใช้ไฟสีเขียว
นักวิชาการ ระบุว่า ย้อนกลับไปสมัยผมยังเด็ก (50 ปี) ทะเลไทยไม่ได้สว่างไสวเช่นทุกวันนี้ มีการประมงแบบใช้แสงไฟล่ออยู่บ้าง แต่ยุคนั้นยังเป็นแค่ตะเกียงเจ้าพายุ ส่องแสงสีขาว เรือก็มีอยู่เพียงไม่กี่ลำทำอวนล้อมกลางทะเล
เมื่อเข้าสู่ปี 2520 ชาวประมงแถวปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ที่จับหมึก เริ่มทด ลองเอาไดนาโมปั่นไฟลงเรือไปด้วย ปรากฏว่าหมึกชอบมาก มาว่ายวนให้จับกันเต็มไปหมด จึงเป็นการเปิดศักราชประมงปั่นไฟจับหมึก
อ่านข่าว นักวิชาการชี้แสงสีเขียวที่เขาพะเนินทุ่ง มาจากเรือไดหมึกไม่ใช่แสงออโรรา
คำว่า “ไดหมึก” ก็มาจาก ”ไดนาโม“
ดร.ธรณ์ อธิบายต่อว่า ตอนแรกยังเป็นไฟขาว ต่อมามีคนใช้ไฟเขียว จึงเริ่มขยายวงกว้าง ใครต่อใครหันมาใช้ไฟเขียวตามกัน ทะเลไทย จึงสว่างไสวไปด้วยสีเขียว
แล้วทำไมต้องสีเขียว งานวิจัยของ ดร.จรวย ลูกศิษย์ที่คณะประมง เป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องหมึกทะเล ทดลองเรื่องผลของแสงไฟที่มีต่อหมึก พบว่า หมึกไม่ใช่ปลา หมึกทะเลเป็นสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง แต่ถือเป็นสัตว์กลุ่มนี้ที่พัฒนาสูงสุด
หมึกยังเป็นสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังที่มีการพัฒนานัยน์ตา และการมองเห็นดีสุด หมึกกล้วยยักษ์ที่อาศัยอยู่ในน้ำลึก ยังเป็นเจ้าของสถิติ “ตาสัตว์ใหญ่สุดในโลก”ตาหมึกกล้วยยักษ์ใหญ่เท่าลูกบอล และใหญ่กว่าตาของวาฬสีน้ำเงิน สัตว์ใหญ่ที่สุดในโลก
หมึกจึงใช้ตาในการหาเหยื่อ แต่หมึกตาบอดสี ไม่สามารถแยกสีได้ แต่ทดแทนด้วยความสามารถในการแยกระดับความเข้มแสง
อ่านข่าว ปะการังเขากวาง "เกาะยักษ์ใหญ่" ป่วยโรค SCTLD ทช.เก็บเนื้อเยื่อไฟสีไหนที่หมึกชอบและวิ่งเข้าหา
เมื่อในน้ำมีไฟ แพลงก์ตอนถูกแสงกระตุ้นให้เข้ามารวมกัน ปลาเล็กตามเข้ามา หมึกจึงตามเข้ามาหาอาหาร นอกจากนี้ สัตว์น้ำหลายชนิดยังถูกกระตุ้นด้วยแสงโดยตรง แพลงก์ตอนยังไม่มา หมึกมาแล้ว เรื่องนี้เป็นไปได้เช่นกัน ว่าง่ายๆ คือมีทั้ง 2 สาเหตุที่หมึกชอบเข้ามาหาแสงไฟ
ดร.จรวย ทดลองใช้ไฟ 4 เฉดสี ขาว แดง เขียว และฟ้า ทำไปเกือบ 200 ครั้งก่อนพบว่า สีของไฟส่งผลต่างกันนะ หมึกไม่ชอบไฟสีแดง ไม่ชอบมากๆ ชนิดเข้ามาน้อยกว่าแสงสีฟ้า 10 เท่า หมึกชอบไฟสีฟ้า เข้ามาบ่อยครั้งที่สุด รองลงมาคือสีเขียวกับสีขาว
หมึกตาบอดสี แล้วทำไมถึงเข้าหาไฟสีต่างๆ ไม่เหมือนกันล่ะ เหตุผลที่พอตั้งสมมติฐานได้ คือแสงสีแดงถูกดูดกลืนในน้ำได้เร็วสุด ลองดูภาพปะการังกัลปังหาสีแดงสีชมพูสวยๆ ก็ได้ครับ เราต้องใช้แฟลชใต้น้ำถ่าย หรือไม่ก็เข้าโปรแกรมที่เร่งสีแดงโดยเฉพาะ
เมื่อแสงสีแดงโดนดูดกลืนง่าย ย่อมสว่างออกไปในน้ำไม่ไกลนัก หมึกไม่เห็นแสง หมึกก็ไม่เข้ามา แสงสีฟ้าคือ สีที่ทะลุน้ำได้ไกลสุด รองลงมาคือสีเขียว หมึกจึงเห็นแสงสีฟ้าแล้ว เข้ามาหาบ่อยสุด
แต่นั่นคือในห้องแลป ถ้าเป็นในทะเล เคยมีงานวิจัยเมืองนอกบอกว่าสีฟ้าหรือสีเขียวก็ไม่ต่างกันมากนักหากน้ำใส งานวิจัยบางเปเปอร์บอกว่าสีขาวก็ดีนะ
แต่ทะเลไทยอยู่ชายฝั่ง มีตะกอนเยอะ แสงไม่ได้ถูกดูดกลืนเพียงอย่างเดียว ยังสะท้อนตะกอนและอื่นๆ อีกมาก
แสงสีฟ้าหรือสีเขียวอาจส่งทะลุไปในน้ำแบบนี้ได้ใกล้เคียงกัน อีกทั้งหมึกแยกสีไม่ออก แต่เข้ามาตามความเข้มแสง จึงเป็นไปได้ว่าแค่แสงสีเขียวก็ให้ความเข้มแสงที่เพียงพอต่อการล่อหมึกในระยะทำการแล้ว
ความนิยมยังเป็นอีกสาเหตุ เมื่อคนหนึ่งใช้ คนอื่นก็ใช้ เมื่อใช้ได้ก็ไม่คิดจะเปลี่ยน ใช้ต่อเนื่องกันมาจนถึงปัจจุบัน
นั่นคือที่มาของแสงสีเขียวทั่วท้องทะเลไทย หากอยากรู้มากไปกว่านี้ ต้องรออีกสักระยะ เพราะตอนนี้ภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมง เพิ่งได้ชุดอุป กรณ์ศึกษาพฤติกรรมสัตว์น้ำมาหมาด กำลังวางแผงการทดลองขั้นต่อไป
จับหมึกไม่กระทบสัตว์น้ำวัยอ่อน
สำหรับคำถามว่า จับกันเยอะขนาดนี้จะเป็นอะไรไหมหรือไม่ ดร.ธรณ์ ระบุว่า การประมงไดหมึก เป็นการจับสัตว์น้ำแบบเฉพาะเจาะจง ไม่ส่งผลกระทบกับสัตว์น้ำวัยอ่อน อีกทั้งยังทำให้ประมงพื้นบ้านมีรายได้
หากเราอยากช่วยทะเลไทย เริ่มจากเลิกกินสัตว์น้ำวัยอ่อน เช่น ลูกปลาทู ที่จับมาจากวิธีทำปาะมงแบบอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวอะไรกับเรือไดหมึก
อ่านข่าว
น่าห่วง 14 ตัวสุดท้าย "โลมาอิรวดี" ทะเลสาบสงขลา
โลกร้อนพ่นพิษ นับถอยหลัง 30 ปี ปะการังทั่วโลกตาย 90 %