กรณีหมอกฤตไท ธนสมบัติกุล อายุ 29 ปี อาจารย์แพทย์ประจำศูนย์ระบาดวิทยาคลินิกและสถิติศาสตร์คลินิก ภาควิชาเวชศาสตร์ครอบครัว คณะแพทย ศาสตร์ ม.เชียงใหม่ ป่วยเป็นมะเร็งปอดเสียชีวิตเมื่อ 5 ธ.ค.ที่ผ่านมา
วันนี้ (7 ธ.ค.2566) คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โพสต์ว่า
คณะแพทยศาสตร์ ม.เชียงใหม่ ขอแสดงความเสียใจและร่วมไว้อาลัยต่อการจากไปของ อาจารย์ นพ.กฤตไท ธนสมบัติกุล และร่วมอนุโมทนาบุญต่อการบริจาคร่างเป็นอาจารย์ใหญ่
ศ.(เชี่ยวชาญพิเศษ) นพ.บรรณกิจ โลจนาภิวัฒน์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มช. ผศ.นพ.นเรนทร์ โชติรสนิรมิต ผอ.โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ พร้อมด้วยบุคลากรทางการแพทย์และครอบครัว ร่วมไว้อาลัยกับการจากไปของ “หมอกฤตไท” หลังรักษาอาการป่วยมะเร็งปอดระยะสุดท้ายมานานกว่า 1 ปี
อ.นพ.กฤตไท มีอาการป่วยไอเรื้อรัง จึงได้ทำการตรวจด้วยการถ่ายภาพรังสีทรวงอก พบมีก้อนในปอดขนาดใหญ่ แพทย์ได้ทำการส่องกล้องเพื่อนำชิ้นเนื้อเพื่อตรวจวินิจฉัย ต่อมาพบว่าเป็นมะเร็งปอด
ทีมแพทย์ จึงให้การรักษาโดยให้ยาเคมีบำบัด และยามุ่งเป้า ภายหลังเริ่มตรวจพบว่า มีการกระจายของเซลล์มะเร็งไปยังสมอง แพทย์ได้ให้การรักษาด้วยการผ่าตัดร่วมกับการฉายรังสี ระยะเวลาต่อมาเซลล์มะเร็งได้กระจายลุกลามไปยังกระดูกสันหลัง ทำให้มีอาการอ่อนแรง และท้ายที่สุด “หมอกฤตไท” ได้เข้าสู่กระบวนการการดูแลแบบประคับประคอง
“หมอกฤตไท” ได้จากไปอย่างสงบ เมื่อ5 ธ.ค.เวลา 10.59 น. ทางครอบครัวมีความประสงค์จะบริจาคร่าง “หมอกฤตไท” เพื่อให้เป็นอาจารย์ใหญ่ ยังประโยชน์ต่อการเรียนการสอนของแพทย์ต่อไป
บุญกุศลอันยิ่งใหญ่ในครั้งนี้ ขอให้ดวงวิญญาณของนพ.กฤตไท ธนสมบัติกุล ไปสู่สุคติและสัมปรายภพที่ดี คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้ให้การรักษา “หมอกฤตไท” อย่างเต็มที่ด้วยดีตลอดมา และขอเป็นกำลังใจให้ครอบครัวธนสมบัติกุล ต่อการสูญเสียในครั้งนี้
สภาพฝุ่น PM2.5 ที่ปกคลุมในพื้นที่อ.แม่สาย จ.เชียงรายเมื่อปี 2565
สภาพฝุ่น PM2.5 ที่ปกคลุมในพื้นที่อ.แม่สาย จ.เชียงรายเมื่อปี 2565
สถิติป่วยโยง PM2.5 โรคทางเดินหายใจ-มะเร็งปอด
ขณะที่การเสียชีวิตของหมอกฤตไท มีการตั้งประเด็นว่ามีความเชื่อมโยงกับปัญหาฝุ่น PM2.5 ในพื้นที่ภาคเหนือ เกี่ยวข้องกับมลพิษทางอากาศหรือไม่ ข้อมูลการศึกษาผลกระทบและคาดการณ์ผลกระทบต่อสุขภาพ-จากมลพิษทางอากาศและการพัฒนาดัชนีสุขภาพ-อันเนื่องมาจากคุณภาพอากาศของประเทศไทย ของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุขปี 2563
พบข้อมูลว่าจำนวนผู้ป่วยด้วยโรคที่เกี่ยวข้องกับมลพิษทางอากาศ ปี 2563 ในพื้นที่เขตสุขภาพที่ 1-13 มีจำนวนทั้งหมด 6,880,709 คน คิดเป็นอัตราป่วย 10,517.56 ต่อแสนประชากร ดังนี้
- กลุ่มโรคทางเดินหายใจ 2,741,931 คน (คิดเป็นอัตราป่วย 4,191.20 ต่อแสนประชากร)
- ผิวหนังอักเสบ 1,822,777 คน (คิดเป็นอัตราป่วย 2,786.22 ต่อแสนประชากร)
- ตาอักเสบ 1,249,610 คน (คิดเป็นอัตราป่วย 1,910.10 ต่อแสนประชากร)
- กลุ่มโรคกลุ่มโรคหัวใจหลอดเลือดและสมองอุดตันขาดเลือด 944,116 คน (คิดเป็นอัตราป่วย 1,443.14 ต่อแสนประชากร)
- มะเร็งปอด 122,030 คน (คิดเป็นอัตราป่วย 186.53 ต่อแสนประชากร)
- และกลุ่มโรคอื่นๆ 245 คน(คิดเป็นอัตราป่วย 0.37 ต่อแสนประชากร)
จำนวนผู้ป่วยที่มาจากมลพิษทางอากาศ ที่มา : (HDC กระทรวงสาธารณสุข, 2564)
จำนวนผู้ป่วยที่มาจากมลพิษทางอากาศ ที่มา : (HDC กระทรวงสาธารณสุข, 2564)
และเมื่อพิจารณาจำนวนผู้ป่วยจำแนกตามรายเดือน ด้วยโรคที่เกี่ยวข้องกับมลพิษทางอากาศ ปี 2563 ในพื้นที่เขตสุขภาพที่ 1-13 พบว่า ส่วนใหญ่มีรายงานผู้ป่วยสูงในช่วงต้นปี (ม.ค.-มี.ค.) และปลายปี (ต.ค.-พ.ย.) ซึ่งเป็นช่วงที่มีปัญหา PM2.5 เกินค่ามาตรฐาน
พบยอดผู้ป่วยรวมสะสมทั้งหมดสูงสุดในเดือนพ.ย.รองลงมา คือ ต.ค. ม.ค. ก.พ.และมี.ค.
แต่เมื่อจำแนกผู้ป่วยจำแนกตามรายกลุ่มอายุ ด้วยโรคที่เกี่ยวข้องกับมลพิษทางอากาศปี 2563 พบว่า กลุ่มอายุที่ป่วยด้วยโรคที่เกี่ยวข้องกับมลพิษทางอากาศสูงสุด คือ กลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไป รองลงมากลุ่มอายุ 55-59 ปี กลุ่มอายุ 50-54 ปี กลุ่มอายุ 45-49 ปี และกลุ่มอายุ 5-9 ปี
จำนวนป่วยจำแนกรายเดือน ด้วยโรคที่เกี่ยวข้องกับมลพิษทางอากาศ ปี 2563 ที่มา : (HDC กระทรวงสาธารณสุข, 2564)
จำนวนป่วยจำแนกรายเดือน ด้วยโรคที่เกี่ยวข้องกับมลพิษทางอากาศ ปี 2563 ที่มา : (HDC กระทรวงสาธารณสุข, 2564)
ชี้ฝุ่นทำคน 38 จว.เสี่ยงป่วยถึง 15 ล้านคน
ปัญหาจากฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) ถือเป็นปัญหาที่สำคัญของประเทศไทย เนื่องจากมีสถานการณ์ PM2.5 เกินค่ามาตรฐานทุกปี และอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ โดยเฉพาะในประชาชนกลุ่มเสี่ยงทั้งเด็ก หญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคระบบทางเดินหายใจ หอบหืด
พบว่าประชาชนกลุ่มเสี่ยงในพื้นที่เสี่ยงมลพิษทางอากาศใน 38 จังหวัด ที่อาจได้รับผลกระทบต่อสุขภาพจาก PM 2.5 จากฐานข้อมูล HDC ของกระทรวงสาธารณสุขปี 2563 ถึง 15 ล้านคน (จากประชาชนทั้งหมด 38.9 ล้านคน ) คิดเป็นร้อยละ 38.92
โดยพบกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป สูงสุดถึง 6,767,920 คน รองลงมา กลุ่มผู้มีโรคประจำตัว 3,616,402 คน กลุ่มเด็กอายุ 5-9 ปี จำนวน 2,347,496 คน กลุ่มเด็กอายุ 0-4 ปี 2,047,153 คน และกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ 366,296 คน
อ่านข่าว
จับกระแสการเมือง : 6 ธ.ค.66 สูญเสีย "หมอกฤตไท" สู่แก้ฝุ่น PM 2.5 รัฐเอาจริงกระเช้าภูกระดึง
เพจ สู้ดิวะ เปิดบทส่งท้าย จาก "หมอกฤตไท" หวังเป็นพลังให้ผู้อื่น