“นายกฯนิด” เศรษฐา ทวีสิน ได้ฤกษ์ “คิกออฟ” อย่างเป็นทางการอีกครั้ง กับการเดินหน้า “แก้หนี้นอกระบบ” หลังก่อนหน้านี้ได้แถลงที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อวันที่ 28 พ.ย.ที่ผ่านมา โดย “นายกฯนิด” ได้กำชับ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เร่งรัดการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบเพราะถือเป็นสารตั้งต้นอาชญากรรม รวมถึงขอความร่วมมือกับทุกฝ่ายในการแก้ไขปัญหาหนี้
“นายกฯนิด” ย้ำว่า ขอบคุณทุกฝ่ายที่ร่วมกันขับเคลื่อนการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบอย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็น กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และทุกหน่วยงานทุกที่เข้ามามีส่วนร่วม วันนี้ไม่ได้เชิญทุกท่านมากระชับอำนาจให้ตน แต่มาขอแรงจากทุกท่านทำประโยชน์ให้พี่น้องประชาชน
“… มาช่วยกันทำให้การค้าทาสในยุคใหม่หมดไปจากประเทศไทยด้วยกัน พี่น้องเพื่อนร่วมชาติเราจำนวนมากมีความทุกข์ ถูกพรากอิสรภาพในการใช้ชีวิต เพราะมีหนี้สินจองจำพวกเขาอยู่…” วรรคทองทิ้งท้ายของนายกฯนิด
ปิดท้ายได้สวย แต่ยังไม่วายทิ้งทวนให้เห็นสไตล์การบริหารงานแบบ CEO โดยได้ประกาศให้ต้องมีการกำหนดตัวชี้วัดหรือ KPI ที่เหมาะสมและวางกรอบเวลาไทม์ไลน์ที่ชัดเจนในการแก้ปัญหาหนี้ ..ไม่รู้ว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพร้อมรับการประเมินหรือยัง
ด้าน “ปลัดเก่ง” สุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย รายงานความคืบหน้าหลังการเปิดลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 1-7 ธ.ค.ที่ผ่านมา มีผู้ลงทะเบียนแก้หนี้กว่า 80,000 คน มูลหนี้รวมกว่า 4,000 ล้านบาท และยังคาดว่าเมื่อสิ้นสุดการลงทะเบียนวันสุดท้าย 31 ธ.ค.นี้จะมีผู้มาลงทะเบียนเฉียด 1 ล้านคน แค่สัปดาห์เดียวเรียกได้ว่ายอดทะลุทะลวงเกินต้าน
ส่วนนโยบายรัฐบาลการประกาศขึ้นค่าแรง ก็เกินหน้าไม่ยั้ง แม้ว่าในหลาย ๆ จังหวัดจะปรับขึ้นได้ไม่เท่ากัน โดยเฉพาะ “ค่าแรง 400 บาทต่อวัน” โดยความเคลื่อนไหวล่าสุดผู้ใช้แรงงานก็ได้เฮ เสียงเบาๆ เมื่อคณะกรรมการไตรภาคีเคาะขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำทั่วประเทศ ตั้งแต่วันละ 6 - 18 บ.สูงสุด 370 บาท ที่ จ.ภูเก็ต
ขณะที่ค่าแรงเมืองหลวง “ กทม.-ปริมณฑล” จะอยู่ที่ 363 บาท และจังหวัดชายแดนใต้ 330 บาท คาดมีผล 1 ม.ค.67 ทั้งนี้ โดยเตรียมเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาให้ความเห็นชอบในวันที่ 12 ธ.ค.นี้ และคาดว่าจะสามารถบังคับใช้ได้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2567 เป็นต้นไป
เป็นไปตามคำสัญญาตามที่ “โกเกี๊ยะ“ พิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน ประกาศไว้ว่า จะปรับค่าจ้างขั้นต่ำรอบใหม่ให้เป็นของขวัญปีใหม่ให้กับบรรดาผู้ใช้แรงงานทั่วประเทศ
ไม่ยอมน้อยหน้า เมื่อ "พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค" รองนายกฯ และ รมว.พลังงาน โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า เตรียมเสนอ ครม.ตรึงราคาค่าไฟฟ้า 3.99 บาท สำหรับกลุ่มเปราะบาง และตรึงราคาก๊าซหุงต้ม 423 บ.ต่อถัง 15 กก.
กระตุกต่อมแฟนส้ม "อ.ป๊อก" ปิยบุตร แสงกนกกุล แกนนำคณะก้าวหน้า ออกมาปรามนักรบออนไลน์ โดยให้ข้อคิดว่า ขณะนี้ ฝ่ายก้าวหน้าและฝ่ายอนุรักษ์นิยม จะต้องเข้าสู่ "สงครามความคิด" และการต่อสู้ทางความคิด ด้วยการตอบโต้รายวัน รายชั่วโมง ในโลกโซเชียล จับผิดเรื่องเล็กน้อย โต้เถียงกันไปมาในโลก X แบบที่ทำกัน ในเวลานี้อาจช่วยทำให้สบายใจ สะใจ หรือปรามการโจมตีของอีกฝ่ายได้อยู่บ้าง แต่นี่ไม่ใช่ยุทธวิธีที่จะเอาชนะทางความคิดได้
โดย “อ .ป็อก” ปิยะบุตร ชี้ว่า การรบทางความคิดรอบใหม่ ต้องนำเสนอสังคมแบบใหม่ในฝัน ทำให้เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ต้องนำเสนอความเป็นไปได้ ต้องสู้กับความเชื่อที่ว่า เป็นไปไม่ได้ มิใช่ เฝ้ามองว่านายกฯหลุดอะไร มีประเด็นอะไรให้เอาไปแซะต่อได้บ้าง
ยังเข้มข้นสำหรับค่ายพระแม่ธรณีบีบมวยผม ในการเฟ้นหาหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แม้ "มาดามเดียร์" วทันยา บุนนาค จะประกาศรบชูธงคนรุ่นใหม่ อาสาท้าชิงหัวหน้าพรรคฯ แต่ล่าสุดมีความเคลื่อนไหวจากมติ 21 สส. ว่าจะหนุน "เสี่ยต่อ" เฉลิมชัย ศรีอ่อน อดีตเลขาฯ พรรค ขึ้นชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ คนที่ 9
…สิ่งที่ผมมีคือความจริงใจให้พรรค เมื่อถึงเวลาจะชี้แจงทั้งหมด รอให้ได้คุยกันอีกครั้งว่าเป็นอย่างไร ต้องมีเหตุและผล บางเรื่องเป็นเรื่องภายในที่พูดไม่ได้ จึงต้องขอให้เขาพูดให้ผมฟังว่าเป็นอย่างไร…เสี่ยต่อ ระบุ
แต่กระนั้น "เสี่ยต่อ" ยังไม่วายสงวนท่าที โดยบอกขอคุยกับ "สส." อีกครั้ง ก่อนตัดสินใจว่าจะลงชิงชัยตำแหน่งหัวหน้าพรรคหรือไม่ แถมยังย้ำว่า ไม่เคยกระสันต์อยากได้ตำแหน่ง และอีกไม่นานจะได้รู้กันว่าเป็นใคร รอฟังผลได้ในการประชุมพรรคประชาธิปัตย์ พรุ่งนี้ (9 ธ.ค.66)...แควน ๆ ค่ายสีฟ้า ปชป.เตรียมปูเสื่อรอลุ้นว่า ในที่สุดแล้ว ใครจะคว้าชัยได้เป็นหัวหน้าพรรค ในยามที่พรรคถูกเรียกว่า “อาทิตย์อัสดง” หรือช่วงขาลง