วันนี้ (2 ก.พ.2567) นางยุนีย์ ธีระนันท์ หัวหน้ากลุ่มงานช่างปิดทองประดับกระจกและช่างสนะไทย สำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร กล่าวว่า สำนักช่างสิบหมู่ได้รับหน้าที่ในการดูแลบูรณะซ่อมแซมราชรถน้อย นช.539 ซึ่งจัดแสดง ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร
เมื่อเวลาผ่านไปนาน ราชรถน้อยก็มีการชำรุดหรือศิลปกรรม ที่ประดับอยู่หลุดหายจึงต้องมีการบูรณะซ่อมแซม เพื่อให้โครงสร้างแข็งแรงและลวดลายที่หายไปกลับมาเหมือนเดิม
นางยุนีย์ กล่าวว่า กระจกสำหรับประดับที่มีขายตามท้องตลาด มีสีที่มีความสว่างมาก และผลิตมาเพื่อใช้กับกาวอีพ็อกซี่เท่านั้น เมื่อนำมาบูรณะซ่อมแซมศิลปวัตถุอย่างถูกวิธี จะต้องเลือกใช้วัสดุดั้งเดิมคือ สมุก ซึ่งเป็นการใช้ยางรัก ผงกะลา และใบตองเผา มาผสมและคน นวดให้เหนียว เพื่อใช้เป็นกาวหรือตัวประสานกระจกกับชิ้นงานให้ติดกัน กระจกปัจจุบันไม่สามารถใช้ร่วมกับสมุกได้ และมีความหนาและความบางที่ไม่เหมือนกระจกเดิม
สำนักช่างสิบหมู่ จึงขอความอนุเคราะห์ไปยังสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอนให้ผลิตกระจก ซึ่งเป็นกระจกที่ทางสถาบันผลิตสีและความบางใกล้เคียงกับกระจกเดิมที่อยู่ที่ราชรถน้อยองค์นี้ เมื่อนำมาใช้กับสมุกก็ใช้ได้ดี หลังจากเราบูรณะเสร็จสมบูรณ์จะนำไปจัดแสดง ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนครต่อไป
ปรับสูตร 1 ปีกระจกเกรียบ
ดร.วันทนา คล้ายสุบรรณ์ ผช.ผอ.วิชาการและวิจัย สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน กล่าวว่า งานวิจัยเป็นการขยายผลจากงานวิจัยการศึกษากระจกเกรียบจากวัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) ตอนนั้นทำอยู่หลายปี กระทั่งประสบความสำเร็จ
โดยได้องค์ความรู้ได้สูตรแก้ว สามารถผลิตแก้วโบราณได้ครบทั้ง 4 สี จากองค์ความรู้ จึงได้รับการติดต่อจากสำนักช่างสิบหมู่ว่า มีงานที่จะบูรณะราชรถน้อยองค์นี้ เป็นการบูรณะแบบอนุรักษ์ หมายความว่า จะไม่รื้อกระจกเกรียบของเก่าออก ของที่ยังติดอยู่เป็นของโบราณดั้งเดิมก็ยังคงไว้
ส่วนที่หลุดหายไปต้องใช้กระจกเกรียบ ที่มีสีเหมือน และมีความบางเท่ากับของโบราณ สามารถทนต่อยางรัก ซึ่งเป็นกาวธรรมชาติที่เป็นเทคนิคโบราณที่ใช้ประดับไม้
กระจกเกรียบ ของซินโครตรอนมีสมบัติครบถ้วน สามารถปรับสี คิดสูตรแก้วขึ้นมาใหม่ได้ ทำงานอยู่ 1 ปีเพื่อปรับสีจากสูตรแก้ว เพราะสีเขียวหรือสีน้ำเงินของราชรถน้อย จะมีโทนสีที่ต่างจากกระจกของวัดพระแก้ว จึงปรับสูตรให้ตัวใหม่ เข้ากับของเก่าดั้งเดิมได้
ดร.วันทนา กล่าวอีกว่า ในส่วนของซินโครตรอน รับผิดชอบในการผลิตกระจกอย่างเดียว มีหลายสีที่ส่งมาให้ทั้งหมด มีสีเขียวปีกแมลงทับ อมน้ำเงินนิดๆ สีขาวเป็นสีขาวเหลืองนวล จูนสีขึ้นมาใหม่เป็นสูตรเฉพาะ มีสีน้ำเงิน และมีสีแดง สีส้ม ซึ่งน่าสนใจมาก เพราะช่างบอกว่าเป็นกระจกสีขาว แต่พอบูรณะไปก็เจอกระจกอีกสีที่ซ่อนอยู่ใต้กระจกสีขาว ส่งมาให้เราดูจึงทราบว่าเป็นสีแดงอมส้ม
สีแดงอมส้ม ท้าทายมาก เพราะไม่ใช่สีที่เจอที่วัดพระแก้ว เป็นสีโบราณใหม่ ซึ่งยังไม่เคยศึกษามาก่อน จึงใช้ความรู้ต่อยอดจากสีแดงโบราณ และสีเหลืองโบราณ เอามาผสมกัน เลยสามารถผลิตกระจกเกรียบสีใหม่นี้ได้ แล้วส่งมาให้ทางสำนักช่างสิบหมู่ใช้
การเอาซินโครตรอนมาใช้ เหมือนได้ตั้งต้นในจุดที่ใกล้จะถึงแล้ว และเหมือนทางลัดให้ไปได้เร็วขึ้น ถ้าให้เริ่มจากสูตรแก้วสีทั่วไปตั้งแต่แรกจะยากมากโดยเฉพาะสูตรแก้วโบราณ สีจะซับซ้อนมาก ไม่ใช่ธาตุเดียวที่ให้สี แต่จะเป็น 2–3 ธาตุ จึงต้องปรับแต่งกันให้สมดุล ให้เกิดสีที่เป็นเอกลักษณ์ของศิลปกรรมโบราณให้ได้
ส่วนการขยายการผลิตไปสู่ระดับโรงงานนำร่องนั้น จำเป็นต้องมีความร่วมมือกับภาคเอกชนที่สนใจในการพัฒนาความเป็นไปได้ในการผลิตเชิงพาณิชย์ต่อไป
อ่านข่าว : "ศิริกัญญา" ไม่หวั่นถูกยื่นสอบจริยธรรม เหตุลงชื่อแก้ ม.112
"กมธ.งบฯ ปี 2567" เคาะตั้ง 9 คณะอนุกรรมาธิการฯ
ราชกิจจาฯ ประกาศกำหนด "14 ชนิดกีฬาอาชีพ" เจ็ตสกี-อีสปอร์ต