วันนี้ (13 ก.พ.2567) นายธนวรรธน์ พลวิชัย ประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ และอธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า สถานการณ์การเมืองมีเสถียรภาพ ทำให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องรวมไปถึงในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากรัฐบาลสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจไทยให้ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว และเป็นรูปธรรมในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 จะมีผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจไทย
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ และอธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
และส่งผลให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเดือนม.ค.2567 ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 และเป็นระดับสูงสุดในรอบ 47 เดือนนับตั้งแต่ มีนาคม 2563 เนื่องจากผู้บริโภคเริ่มกลับมามีความเชื่อมั่นหลังจากจัดตั้งรัฐบาลและนโยบายลดค่าครองชีพมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจการเมืองมีเสถียรภาพส่งผลให้ความเชื่อมั่นกลับมาปรับตัวดีขึ้นทุกรายการ
ดิจิทัลวอลเลต ไม่มีผลต่อเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตามหอการค้าฯ ประเมินเศรษฐกิจไทยยังขยายตัว 3-3.5% ซึ่งไม่รวมโครงการดิจิทัลวอลเลต ทั้งนี้ หอการค้ายังมองว่าเศรษฐกิจไทยยังไม่วิกฤต ยังไม่มีความเสี่ยง ไม่ว่าโครงการดิจิทัลวอลเลต จะเกิดขึ้นหรือไม่เกิดขึ้น ก็ไม่มีผลต่อเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ ยังมองว่าการท่องเที่ยวไทยในปีนี้จะมีการเติบโตคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาไทยทั้งปีรวม 35-40 ล้านคน และตั้งแต่ต้นปีแรกถึงต้นเดือนก.พ.มีนักท่องเที่ยวเข้ามาแล้วกว่า 4 ล้านคน จึงเป็นตัวกระตุ้นเศรษฐกิจสำคัญของประเทศในปี
ส่วนกรณีเหตุการณ์ป่วนขบวนเสด็จ จะกลายเป็นความขัดแย้งใหม่ทางการเมืองที่จะมีผลต่อดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในอนาคตหรือไม่นั้น มองว่าไม่มี ผลกระทบต่อดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค
เชื่อว่ากรณีของ ตะวัน จะไม่เป็นมูลเหตุที่ทำให้เกิดความรุนแรงทางการเมือง หรือก่อม็อบรุนแรงดังเช่นในช่วงที่ผ่านมา และไม่มีผลต่อเสถียรภาพการเมือง ไม่มีผลไปถึงเสถียรภาพรัฐบาล และการยุบสภา
เกษตรกรรายได้เพิ่ม-พืชผลปรับราคา
ด้านนายวาทิตร รักษ์ธรรม ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวถึงปัจจัยบวกในปีนี้เกิดจาก มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ จากภาครัฐ เช่น Easy E-Receipt ทำให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้นเพื่อนำมาหักลดหย่อนภาษี ,มาตรการช่วยเหลือประชาชนด้านค่าครองชีพ เช่น ลดค่าไฟฟ้า ลดราคาเบนซิน และตรึงราคาดีเซล ,ฟรีวีซ่ากับนักท่องเที่ยวบางประเทศ เช่น จีน คาซัคสถาน อินเดีย และไต้หวัน และขยายเวลาพำนักในไทยเพิ่ม
นายวาทิตร รักษ์ธรรม ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
รวมถึงราคาพืชผลเกษตรเกือบทุกรายการ ราคาปรับตัวดีขึ้น ส่งผลให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น ช่วยหนุนกำลังซื้อในต่างจังหวัดราคาน้ำมันดีเซลในประเทศอยู่ในระดับที่ทรงตัว และคาดว่าการส่งออกของไทยเดือนธ.ค.66 ขยายตัว 4.65%
ในขณะที่ปัจจัยลบ หลังสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 66 ลงเหลือโต 1.8% ส่วนปี 67 คาดโต 2.8% เนื่องจากผู้บริโภคยังกังวลว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวช้า รายได้ในปัจจุบันไม่สอดคล้องกับค่าครองชีพ ความกังวลต่อสถานการณ์ความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงยืดเยื้อ
เช่น ปัญหาสงครามรัสเซีย-ยูเครน การสู้รบระหว่างอิสราเอล-กลุ่มฮามาส ซึ่งมีผลกระทบต่อราคาพลังงานโลกให้ปรับตัวสูงขึ้น ค่าเงินบาทปรับตัวอ่อนค่า สะท้อนการไหลออกสุทธิของเงินตราต่างประเทศ รวมถึงความกังวลต่อภาวะภัยแล้ง และสถานการณ์เอลนีโญ ที่จะมีผลต่อการใช้น้ำภาคเกษตรกรรม อุตสาหกรรม และการบริโภค เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ค่าดัชนียังเคลื่อนไหวอยู่ในระดับต่ำกว่า 100 แสดงให้เห็นว่า ผู้บริโภคยังกังวลว่าเศรษฐกิจโดยรวมยังฟื้นตัวช้า ค่าครองชีพสูง และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในประเทศไทยและทั่วโลก และสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน กับอิสราเอลกับฮามาสในฉนวนกาซาอาจยืดเยื้อ
และส่งผลกระทบทางจิตวิทยาในเชิงลบต่อกำลังซื้อภายในประเทศ ภาคการท่องเที่ยว ภาคการส่งออก ธุรกิจโดยทั่วไป และการจ้างงานในอนาคต โดยปัจจัยเหล่านี้ มีโอกาสบั่นทอนความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทั้งในปัจจุบัน และในอนาคตอันใกล้นี้
อ่านข่าวอื่นๆ:
“กอบศักดิ์ ภูตระกูล” กูรูเศรษฐกิจ ชี้ไทยเร่งสร้างเสน่ห์ดึงเงินลงทุน