ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

ฟื้น ! หอการค้าชี้เศรษฐกิจขยายตัว คาดตลอดปี นทท.ทะลุ 40 ล้าน

เศรษฐกิจ
13 ก.พ. 67
16:27
408
Logo Thai PBS
ฟื้น ! หอการค้าชี้เศรษฐกิจขยายตัว คาดตลอดปี นทท.ทะลุ 40 ล้าน
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
ม.หอการค้าไทย เผย ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคม.ค. 2567 เพิ่มต่อเนื่องเดือนที่ 6 สูงสุดในรอบ 47 เดือน ชี้เศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้น ท่องเที่ยวโดดเด่น คาดทั้งปีมีนักท่องเที่ยวเข้า 40 ล้านคน

วันนี้ (13 ก.พ.2567) นายธนวรรธน์ พลวิชัย ประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ และอธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า สถานการณ์การเมืองมีเสถียรภาพ ทำให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องรวมไปถึงในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากรัฐบาลสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจไทยให้ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว และเป็นรูปธรรมในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 จะมีผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจไทย

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ และอธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ และอธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ และอธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย

และส่งผลให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเดือนม.ค.2567 ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 และเป็นระดับสูงสุดในรอบ 47 เดือนนับตั้งแต่ มีนาคม 2563 เนื่องจากผู้บริโภคเริ่มกลับมามีความเชื่อมั่นหลังจากจัดตั้งรัฐบาลและนโยบายลดค่าครองชีพมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจการเมืองมีเสถียรภาพส่งผลให้ความเชื่อมั่นกลับมาปรับตัวดีขึ้นทุกรายการ

ดิจิทัลวอลเลต ไม่มีผลต่อเศรษฐกิจ

อย่างไรก็ตามหอการค้าฯ ประเมินเศรษฐกิจไทยยังขยายตัว 3-3.5% ซึ่งไม่รวมโครงการดิจิทัลวอลเลต ทั้งนี้ หอการค้ายังมองว่าเศรษฐกิจไทยยังไม่วิกฤต ยังไม่มีความเสี่ยง ไม่ว่าโครงการดิจิทัลวอลเลต จะเกิดขึ้นหรือไม่เกิดขึ้น ก็ไม่มีผลต่อเศรษฐกิจ

นอกจากนี้ ยังมองว่าการท่องเที่ยวไทยในปีนี้จะมีการเติบโตคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาไทยทั้งปีรวม 35-40 ล้านคน และตั้งแต่ต้นปีแรกถึงต้นเดือนก.พ.มีนักท่องเที่ยวเข้ามาแล้วกว่า 4 ล้านคน จึงเป็นตัวกระตุ้นเศรษฐกิจสำคัญของประเทศในปี

ส่วนกรณีเหตุการณ์ป่วนขบวนเสด็จ จะกลายเป็นความขัดแย้งใหม่ทางการเมืองที่จะมีผลต่อดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในอนาคตหรือไม่นั้น มองว่าไม่มี ผลกระทบต่อดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค

เชื่อว่ากรณีของ ตะวัน จะไม่เป็นมูลเหตุที่ทำให้เกิดความรุนแรงทางการเมือง หรือก่อม็อบรุนแรงดังเช่นในช่วงที่ผ่านมา และไม่มีผลต่อเสถียรภาพการเมือง ไม่มีผลไปถึงเสถียรภาพรัฐบาล และการยุบสภา

เกษตรกรรายได้เพิ่ม-พืชผลปรับราคา

ด้านนายวาทิตร รักษ์ธรรม ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวถึงปัจจัยบวกในปีนี้เกิดจาก มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ จากภาครัฐ เช่น Easy E-Receipt ทำให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้นเพื่อนำมาหักลดหย่อนภาษี ,มาตรการช่วยเหลือประชาชนด้านค่าครองชีพ เช่น ลดค่าไฟฟ้า ลดราคาเบนซิน และตรึงราคาดีเซล ,ฟรีวีซ่ากับนักท่องเที่ยวบางประเทศ เช่น จีน คาซัคสถาน อินเดีย และไต้หวัน และขยายเวลาพำนักในไทยเพิ่ม

นายวาทิตร รักษ์ธรรม ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย

นายวาทิตร รักษ์ธรรม ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย

นายวาทิตร รักษ์ธรรม ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย

รวมถึงราคาพืชผลเกษตรเกือบทุกรายการ ราคาปรับตัวดีขึ้น ส่งผลให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น ช่วยหนุนกำลังซื้อในต่างจังหวัดราคาน้ำมันดีเซลในประเทศอยู่ในระดับที่ทรงตัว และคาดว่าการส่งออกของไทยเดือนธ.ค.66 ขยายตัว 4.65%

ในขณะที่ปัจจัยลบ หลังสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 66 ลงเหลือโต 1.8% ส่วนปี 67 คาดโต 2.8% เนื่องจากผู้บริโภคยังกังวลว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวช้า รายได้ในปัจจุบันไม่สอดคล้องกับค่าครองชีพ ความกังวลต่อสถานการณ์ความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงยืดเยื้อ

เช่น ปัญหาสงครามรัสเซีย-ยูเครน การสู้รบระหว่างอิสราเอล-กลุ่มฮามาส ซึ่งมีผลกระทบต่อราคาพลังงานโลกให้ปรับตัวสูงขึ้น ค่าเงินบาทปรับตัวอ่อนค่า สะท้อนการไหลออกสุทธิของเงินตราต่างประเทศ รวมถึงความกังวลต่อภาวะภัยแล้ง และสถานการณ์เอลนีโญ ที่จะมีผลต่อการใช้น้ำภาคเกษตรกรรม อุตสาหกรรม และการบริโภค เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ค่าดัชนียังเคลื่อนไหวอยู่ในระดับต่ำกว่า 100 แสดงให้เห็นว่า ผู้บริโภคยังกังวลว่าเศรษฐกิจโดยรวมยังฟื้นตัวช้า ค่าครองชีพสูง และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในประเทศไทยและทั่วโลก และสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน กับอิสราเอลกับฮามาสในฉนวนกาซาอาจยืดเยื้อ

และส่งผลกระทบทางจิตวิทยาในเชิงลบต่อกำลังซื้อภายในประเทศ ภาคการท่องเที่ยว ภาคการส่งออก ธุรกิจโดยทั่วไป และการจ้างงานในอนาคต โดยปัจจัยเหล่านี้ มีโอกาสบั่นทอนความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทั้งในปัจจุบัน และในอนาคตอันใกล้นี้

อ่านข่าวอื่นๆ:

“กอบศักดิ์ ภูตระกูล” กูรูเศรษฐกิจ ชี้ไทยเร่งสร้างเสน่ห์ดึงเงินลงทุน

ข้าวไทย บนฝ่ามือ “ภูมิธรรม เวชยชัย” วิกฤต-ความหวัง ชาวนาไทย

เอกชนชงเก็บภาษี VAT สินค้าออนไลน์ สกัดจีนทะลัก

ข่าวที่เกี่ยวข้อง