ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

4 ภาคส่วนร่วมผลักดัน กม.ลดปัญหาละเมิดทางเพศ เน้นคุ้มครองเด็กโลกออนไลน์

สังคม
14 มี.ค. 67
13:07
522
Logo Thai PBS
4 ภาคส่วนร่วมผลักดัน กม.ลดปัญหาละเมิดทางเพศ เน้นคุ้มครองเด็กโลกออนไลน์
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
"กรรมาธิการสังคมฯ - สสส. - มูลนิธิอินเทอร์เน็ต – ภาคี " สานพลัง ปลุกกระแสสังคม ร่วมผลักดันร่าง พ.ร.บ. ลดปัญหาทารุณกรรม ละเมิดทางเพศ เน้นคุ้มครองเด็กให้ปลอดภัยบนโลกออนไลน์ สร้างระบบนิเวศสื่อเพื่อสุขภาวะที่ดี

วันนี้ (14 มี.ค.2567) นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ ประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคม และกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการและผู้ด้อยโอกาส กล่าวในงานเสวนา “ร่าง พ.ร.บ. แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญาว่าด้วยเรื่องความผิดเกี่ยวกับเพศและเสรีภาพ กับการคุ้มครองเด็กบนโลกออนไลน์ จำเป็นอย่างไร ในยุคดิจิทัล” ว่า

คณะทำงานเสริมสร้างการรู้เท่าทันสื่อ ภายใต้กรรมาธิการชุดนี้ มีการทำงานอย่างเข้มข้น ที่ผ่านมาได้นำประเด็นสำคัญเข้าสู่การประชุมพิจารณาของวุฒิสภาและเป็นมติคณะรัฐมนตรีไปแล้ว 4 เรื่อง ได้แก่ การสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้และเสริมสร้างการรู้เท่าทันสื่อ การเพิ่มพื้นที่สื่อดีสำหรับเด็ก การจัดการปัญหาการพนันและการพนันออนไลน์

เรื่องที่ 4 นี้คือการผลักดันกฎหมายคุ้มครองเด็กจากภัยออนไลน์รูปแบบใหม่ โดยมีการจัดทำรายงานการพิจารณาศึกษาเรื่องข้อเสนอเชิงนโยบาย เพื่อผลักดันกฎหมายว่าด้วยการกระทำความผิดต่อเด็กผ่านสื่อออนไลน์ เข้าสู่การประชุมพิจารณาของวุฒิสภา ครั้งที่ 24 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 2) เมื่อวันที่ 15 ก.พ.2565 และเป็นมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 11 ต.ค.2565 เวทีเสวนาในวันนี้เป็นอีกหนึ่งความพยายามที่จะติดตามประเด็นขับเคลื่อนในระดับนโยบาย

รวมถึงการให้ความรู้สร้างความเข้าใจให้กับประชาชน ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในเรื่องความสำคัญจำเป็นของการมีกฎหมายที่เท่าทันกับสถานการณ์โลกยุคดิจิทัล โดยขอเชิญชวนประชาชนร่วมแสดงความคิดเห็นร่าง พ.ร.บ. แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา ได้ที่เว็บไซต์ https://www.parliament.go.th/section77/survey_detail.php?id=348

นายมาร์ค เจริญวงศ์ อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด และคณะทำงานเสริมสร้างการรู้เท่าทันสื่อ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีกฎหมายลงโทษผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับเด็กผ่านสื่อออนไลน์ โดยเฉพาะประเด็นการส่งข้อความพูดคุยเรื่องทางเพศ ที่ไม่เหมาะสมกับเด็ก (Sexting) ที่เป็นปัจจัยสำคัญทำให้เด็กมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร และนำไปสู่ปัญหาแม่วัยใสเพิ่มขึ้น หรือการเจตนาล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็ก สร้างโอกาสและความไว้ใจให้เด็กตกเป็นเหยื่อในการล่วงละเมิดทางเพศ (Grooming) และการข่มขู่นำความลับเรื่องทางเพศออกเปิดเผยถ้าไม่ยอมให้ล่วงละเมิดทางเพศ (Sextortion)

ขณะเดียวกัน ปัจจุบันพฤติกรรมของผู้กระทำล่วงละเมิด หรือล่อล่วงเด็กทางออนไลน์ ได้เปลี่ยนจากการดาวน์โหลดหรือเก็บข้อมูลไว้ในโทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ ไปสู่การเป็นสมาชิกผู้เข้าชมภาพลามกอนาจารเด็ก (Accessing to CSAM) แทน

ดังนั้น การผลักดันการปรับปรุงและแก้ไขประมวลกฎหมายอาญาจึงเป็นเรื่องจำเป็นในการคุ้มครองเด็กและเยาวชนให้ปลอดภัยในโลกไซเบอร์ ซึ่งมีตัวอย่างคือ เยอรมนี มีบทลงโทษคนทำผิดทางอาญาเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างเข้มข้น

นางญาณี รัชต์บริรักษ์ ผู้อำนวยการสำนักสร้างเสริมระบบสื่อและสุขภาวะทางปัญญา สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า จากข้อมูลการสำรวจสถานการณ์เด็กไทยกับภัยออนไลน์ ปี 2565 พบมีเด็ก 54 % เข้าถึงสื่อลามกอนาจาร

ในจำนวนนี้ 60 % เป็นสื่อลามกอนาจารเด็ก เด็ก 36% พูดคุยกับเพื่อนออนไลน์ในทางชู้สาว ซึ่งอาจนำไปสู่การล่อลวงเด็กเพื่อวัตถุประสงค์ทางเพศ (child grooming) เด็ก 18 % นัดพบเพื่อนออนไลน์ ในจำนวนนี้มีถึง 5 % นัดพบกว่า 10 ครั้งในระยะเวลา 1 ปี ที่น่าห่วง เด็กบางส่วนเก็บสื่อลามกอนาจารเด็กเอาไว้ ส่งต่อหรือแชร์กับเพื่อนออนไลน์ ถือเป็นความเสี่ยงที่เด็กอาจถูกทารุณกรรม ละเมิด หรือแสวงหาประโยชน์ทางเพศ

สสส.มุ่งสร้างปัจจัยแวดล้อมที่เอื้อต่อการมีระบบนิเวศสื่อเพื่อสุขภาวะ โดยสนับสนุนด้านการจัดการความรู้ สานพลังภาคีเครือข่าย พัฒนากลไกเฝ้าระวังสื่อภาคประชาชน และการพัฒนานโยบายที่ทันต่อภูมิทัศน์สื่อที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะการสานพลังความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ผลักดัน ร่าง พ.ร.บ. ทั้งการสังเคราะห์เนื้อหาของร่างกฎหมายให้อยู่ในรูปแบบที่เข้าใจง่าย

การถอดกรณีศึกษาเพื่อเทียบเคียงกับมาตราต่าง ๆ การพัฒนาชุดข้อมูลสำคัญ การจัดเวทีสาธารณะเพื่อสร้างการมีส่วนร่วม หรือการพัฒนาสื่อเพื่อสร้างความตระหนักถึงความสำคัญของกฎหมาย มุ่งช่วยปกป้องคุ้มครองเด็กและเยาวชนในการอยู่ในโลกออนไลน์อย่างสร้างสรรค์และปลอดภัย

น.ส.วาสนา เก้านพรัตน์ ผู้อำนวยการมูลนิธิศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็ก และประธานเครือข่ายสิทธิเด็กประเทศไทย กล่าวว่า ไทยเป็นภาคีอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กของสหประชาชาติ เข้าสู่ปีที่ 32 แต่ยังไม่มีกฎหมายที่ออกมาคุ้มครองเด็กทางออนไลน์ที่เข้มข้น ดังนั้น การแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายในครั้งนี้ เป็นปรับแก้เพื่อให้เท่าทันต่อสถานการณ์ในยุคดิจิทัล และเพิ่มบทลงโทษกับผู้กระทำความผิด

นอกจากนี้ ยังเป็นการสร้างจิตสำนึกให้คนในสังคมรับรู้ว่าการกระทำดังกล่าวเป็นสิ่งที่คนในสังคมไม่ยอมรับ ทั้งนี้ ที่ผ่านมาเครือข่ายสิทธิเด็ก ได้ดำเนินงานจัดอบรมพัฒนาศักยภาพบุคลากรบ้านพักเด็กและครอบครัว กรมกิจการเด็กและเยาวชน ให้รู้เท่าทันการละเมิดรูปแบบใหม่ ๆ บนโลกออนไลน์ เนื่องจากเป็นบุคลากรหน้าด่านที่ให้ความช่วยเหลือผู้เสียหายเบื้องต้น และมุ่งดำเนินงานสื่อสารสร้างความเข้าใจ ป้องกันปัญหาในกลุ่มเสี่ยง ทั้งกลุ่มคนที่มีโอกาสถูกกระทำ และกลุ่มคนที่มีโอกาสกระทำความผิด ช่วยให้เกิดการรู้เท่าทัน ป้องกันตนเองไม่ให้ตกเป็นผู้เสียหาย หรือกระทำผิดซ้ำ

อ่านข่าว : "วันนอร์" เชื่อถกงบฯ วาระ 2-3 ไม่ยืดเยื้อจบ 22 มี.ค.

“โรม” ชี้ทักษิณมีอิทธิพลการเมือง ส่งผลเลือกตั้งท้องถิ่นแน่

เกิดเหตุไฟไหม้ เรือหลวงคีรีรัฐ - ทร.เร่งตรวจสอบสาเหตุ

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง