ก่อนหน้านี้ ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้วว่า การกระทำที่ใช้สิทธิเสรีภาพเข้าข่ายล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข และใช้ถ้อยคำรุนแรงถึงขั้น “เซาะกร่อนบ่อนทำลาย”
ส่อแนวโน้มสูงมากที่พรรคก้าวไกลจะตามรอยพรรคอนาคตใหม่เจอคำสั่งยุบพรรค และตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรค แต่เข้าใจได้ว่า ลึกๆ แล้ว ทั้งแกนนำและ สส.พรรคก้าวไกล คงทำใจไว้ล่วงหน้าแล้ว ถึงขั้นมีเตรียมชื่อพรรคใหม่เอาไว้รอ
แต่ที่ชวนฉงนเกิดข้อสงสัยมากกว่า คือ สส.พรรคก้าวไกลชุดนี้ จะมี “งูเห่า” ซ้ำรอยเดิม และที่หนักกว่านั้น คือข่าว สส.งูเห่าภาคใหม่ จะเลื้อยไปลงรูพลังประชารัฐ หลังมีปูดข่าวเดินทางไปพบ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่บ้านมีนบุรี
โดยไม่มีที่มาที่ไป ไม่รู้ข่าวนี้มาจากไหน ใครเป็นคนพูด แต่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ตอบนักข่าวเป็นตุเป็นตะว่า จะเข้าเป็นสมาชิกพรรคต้องเป็นมติกรรมการบริหารพรรค แม้ยอมรับว่า ยังไม่ทราบข่าวเรื่องนี้
เช่นเดียวกับแกนนำพรรคก้าวไกล อย่างนายชัยธวัช ตุลาธน หรือ นายรังสิมันต์ โรม ระบุเป็นเพียงข่าวลือ ขอตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน แต่เบื้องต้นยังไม่ได้รับแจ้งว่ามี สส.ของพรรค ไปพบ “บิ๊กป้อม”
นายรังสิมันต์ ยังเหน็บด้วยว่า ตอนนี้ไม่แน่ใจ สส.พรรคพลังประชารัฐ จะไปบ้าน พล.อ.ประวิตร ครบทุกคนหรือเปล่า
อีกทั้งเป็นข่าวที่เกิดขึ้นในช่วงมีข่าวลือจะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ถึงขั้นล้างไพ่เปลี่ยนตัวนายกฯ โดยเฉพาะหลังจากยุบพรรคก้าวไกล จะมีเสียง สส.ส่วนหนึ่งหันไปสนับสนุนให้ พล.อ.ประวิตร เป็นนายกรัฐมนตรี
ทั้งที่พรรคพลังประชารัฐ เพิ่งเจอเรื่องขัดแย้งภายในพรรคกรณีหมุด ส.ป.ก. บินข้ามแนวกันชนไปอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ลุกลามบานปลายถึงขั้นแจ้งความเอาผิดซึ่งกันและกัน ประกาศท้าทายไปเจอกันที่ศาล
ส่งผลกระทบต่อภาพพจน์ของรัฐบาลนายเศรษฐา เหตุเพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับที่ดิน และสปก. ที่ถูกมองว่ามีเรื่องผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง และเรื่องที่ดินยังถือเป็นของต้องห้ามสำหรับฝ่ายการเมือง ดังเช่นเมื่อครั้งรัฐบาลนายชวน หลีกภัย พรรคประชาธิปัตย์ เป็นนายกฯ เรื่องแจกส.ป.ก.4-01 ที่ จ.ภูเก็ต จนไปต่อไม่ได้
จึงได้เห็น ร.อ.ธรรมนัส ลาราชการไปรอต้อนรับนายทักษิณ และตามประกบอีกหลายงานที่จังหวัดเชียงใหม่ ตามด้วยการขยับมีข่าวแบบรายวันของนายทักษิณ ชินวัตร
ถามว่ามีความเป็นไปได้หรือไม่ ที่จะมี สส.งูเห่าซ้ำรอย คำตอบเป็นไปได้ แต่จะน้อยมาก และสามารถหลักน่าจะเป็นเรื่องสภาพคล่องทางการเงินส่วนบุคคล หรือไม่ไปต่อบนเส้นทางการเมืองจึงหาหลักประกันความมั่นคงทางการเงินแทน เหมือนกรณี “ลิงกินกล้วย” สมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ที่แตกต่างกันคือพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบครั้งนั้น มีปรากฎการณ์ ”ผึ้งแตกรัง” ย้ายไปอยู่หลายพรรค เกิดขึ้นจริง
แต่ สส.งูเห่าพรรคอนาคตใหม่ครั้งนั้น สอบตกในการเลือกตั้ง สส.เดือนพฤษภาคม 2566 กันถ้วนหน้า และพรรคก้าวไกล ได้ สส.หน้าใหม่เดินเข้าสภาฯ แทน
สะท้อนบริบททางการเมืองที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เช่นเดียวกับการเลือก สส.ของประชาชนที่เปลี่ยนไป “บ้านใหญ่- ขาใหญ่” ในอดีตจึงสอบตกกันระนาว
เหตุและผลที่ว่านี้ มีหรือที่ สส.คนรุ่นใหม่ของพรรคก้าวไกลจะดูไม่ออก เท่ากับเป็นคำตอบของคำถามที่ว่า จำเป็นแค่ไหนต้องหาพรรคการเมืองใหม่สังกัด เพราะสามารถตั้งพรรคใหม่ขึ้นมารองรับได้อยู่แล้ว
ยิ่งไปดูผลสำรวจความนิยมทางการเมืองล่าสุดของนิด้าโพล ยิ่งเห็นชัดว่าคะแนนนิยมและเชื่อมั่นของคนยังอยู่ที่ นายพิธาและพรรคก้าวไกล มิหนำซ้ำเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ทำให้คอการเมืองส่วนหนึ่ง ไม่แน่ใจนักว่า ข่าว สส.งูเห่า จะไปอยู่กับ “บิ๊กป้อม” จะเป็นเพียงโยนหินถามทาง หรือเพียงการปล่อยข่าว หรือเพียงสร้างค่าให้ดูดี หวังเรตติ้ง
หรือต้องการเปลือยตัวตนของ สส.บางคนที่อาจคำนึงถึงเฉพาะหวังแก้ปัญหาสภาพคล่องทางการเงินของตนเอง สำคัญกว่าทำงานเพื่อส่วนรวมและประชาชน
ถ้าหากว่า “มีจริง”
วิเคราะห์ : ประจักษ์ มะวงศ์สา
อ่านข่าว : สภาฯ ฉลุย 400 เสียงผ่านร่าง "กฎหมายสมรสเท่าเทียม"
อัดฉีด 2.5 หมื่นล้าน "ค่าป่วยการ อสม." เดือนละ 2,000 เบิกจ่าย พ.ค.นี้