วันนี้ (8 เม.ย.2567) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม พร้อมคณะทำงาน เดินทางมาที่วัดจันทร์ใน แขวงบางโคล่ เขตบางคอแหลม กรุงเทพมหานคร เพื่อประชุมร่วมกับผู้แทนคณะสงฆ์กรุงเทพมหานคร เจ้าอาวาสและคณะสงฆ์วัดจันทร์ใน และประชาชนในพื้นที่รอบวัด เพื่อหาข้อยุติกรณีพระสงฆ์ในวัดจันทร์ในจำนวนกว่า 10 รูป มีพฤติการณ์ไม่เหมาะสม กระด้างกระเดื่อง ไม่อยู่ในโอวาท ไม่เชื่อฟังเจ้าอาวาส ไม่เข้าร่วมสังฆกรรมและกิจกรรมใด ๆ กับคณะสงฆ์ที่มีเจ้าอาวาสเป็นประธาน
ทั้งยังร่วมกันกล่าวหาเจ้าอาวาสต่อเจ้าคณะฝ่ายปกครองเพื่อให้ปลดเจ้าอาวาสออกจากตำแหน่งโดยพยายามหาเหตุมาสร้างสถานการณ์ให้เกิดความแตกแยกขึ้นภายในวัด โดยได้ร่วมมือกับเจ้าคณะฝ่ายปกครองในพื้นที่บางรูป ทำให้พุทธศาสนิกชนรอบวัดต่างไม่พอใจพฤติรรมของพระสงฆ์กลุ่มดังกล่าว
อ่านข่าว : "อนันต์ชัย" ร้องสอบจริยธรรม "เศรษฐา" ปมเสนอชื่อ ผบ.ตร.
ก่อนหน้านี้พระครูโสภณกิจจานุกิจ เจ้าอาวาสวัดจันทร์ใน ได้ส่งหนังสือเชิญพระทั้งหมดในวัดมาประชุมหารือร่วมกัน แต่ปรากฎว่าวันนี้มีพระสงฆ์ไม่เข้าร่วมประชุมตามคำสั่งเจ้าอาวาส 10 รูป ในจำนวนนี้มีรองเจ้าอาวาสวัดจันทร์ในอยู่ด้วย เมื่อชาวบ้านไปนิมนต์พระที่ขาดประชุม ก็ปรากฎว่ารองเจ้าอาวาสปิดห้องเงียบ ส่วนห้องของพระที่เหลือ มีเด็กวัดให้ข้อมูลว่าไม่อยู่ เนื่องจากออกไปทำกิจธุระนอกวัด
พระครูโสภณกิจจานุกิจ กล่าวว่า หลังตนเองเข้ามาเป็นเจ้าอาวาส ได้พบข้อพิรุธการเช่าพื้นที่ลานทางเข้าวัดเป็นตลาดนัด ทำให้ส่งผลกระทบต่อกิจของสงฆ์ ทั้งการสวดพระอภิธรรม การฌาปนกิจ และยังกระทบไปถึงเด็กนักเรียนโรงเรียนวัดจันทร์จึงได้ไปตรวจสอบหนังสือสัญญาเช่าที่ธรณีสงฆ์ พบเลขโฉนดที่ผิดปกติจึงไม่ต่อสัญญา
แต่ปรากฎว่ามีฆราวาส มาเสนอจ่ายเงินให้เดือนละ 17,000 บาท โดยบอกว่าก่อนหน้านี้เคยจ่ายให้พระ 2 รูป คนละ 12,000 และ 5,000 บาท แต่เมื่อพระครูโสภณกิจจานุกิจมาเป็นเจ้าอาวาสแล้วก็จะจ่ายให้เจ้าอาวาสรูปเดียว 17,000 บาท เป็นค่ารักษาพยาบาลที่ทุพลภาพ แต่ตนเองไม่รับไว้ เพราะมีโรงพยาบาล 3 แห่งที่มีสิทธิ์รักษาอยู่แล้ว และบอกว่าหากต้องการบริจาคปัจจัย ให้บริจาคเป็นกองทุนรักษาพยาบาลพระวัดจันทร์ในแทน ก่อนที่ฆราวาสคนดังกล่าวจะหายไปและต่อมาพบว่าไม่ได้รับความช่วยเหลือจากกลุ่มพระสงฆ์ คู่กรณีอีกเลย
อ่านข่าว : "ทนายอนันต์ชัย" แจ้งความ "เสี่ยบอย" ปมบุกรุกที่ดินเกาะล้าน
ด้านทนายอนันต์ชัย กล่าวว่า สาเหตุเริ่มต้นมาจากความขัดแย้งชิงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดแทนเจ้าอาวาสรูปเดิม โดยผู้ถูกเสนอชื่อให้เป็นเจ้าอาวาสวัดรูปต่อไปทั้ง 2 รูป ไม่ผ่านเกณฑ์ของเจ้าคณะปกครอง จากนั้นจึงมีการแต่งตั้งพระครูโสภณกิจจานุกิจ ซึ่งอยู่วัดอื่นมาเป็นเจ้าอาวาสแทนเมื่อปี 2564 สร้างความไม่พอใจให้กับพระสงฆ์กลุ่มเดิม
ทำให้พระกลุ่มนี้ไม่ร่วมสังฆกรรมต่างๆ ที่นำโดยเจ้าอาวาส และยังร้องเรียนเจ้าอาวาสวัดต่อเจ้าคณะผู้ปกครองคณะสงฆ์ในพื้นที่ และเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร แต่ผลการตรวจสอบไม่พบว่า เจ้าอาวาสวัดจันทร์ใน ทุจริตหรือละเมิดพระธรรมวินัย แต่ยังมีขบวนการร้องเรียนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เจ้าอาวาสได้รับโทษทางอธิกรณ์สงฆ์ ทั้งที่ไม่มีความผิดใด ๆ ทำให้เจ้าอาวาสมอบอำนาจให้มูลนิธิทนายกองทัพธรรมฟ้องพระสังฆาธิการและคณะรวม 7 รูป เมื่อวันที่ 23 ก.พ.ที่ผ่านมา ศาลอาญาทุจริต นัดฟังคำสั่งหรือคำพิพากษาในชั้นรับฟ้อง ในวันที่ 22 พ.ค.นี้
อ่านข่าว : "อนันต์ชัย" มือกฎหมายข้างกาย "บิ๊กโจ๊ก – ชูวิทย์ - เสรีพิศุทธ์"
นายประยุทธ ประเทศเสนา รองประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม กล่าวว่า หลังจากวันนี้ จะให้เจ้าอาวาสส่งหนังสือแจ้งเตือนให้กลุ่มพระสงฆ์คู่กรณีมาร่วมปฏิบัติกิจของสงฆ์เป็นรายครั้ง จำนวน 3 ครั้ง หากไม่ทำตาม เจ้าอาวาสก็สามารถบังคับกฎมหาเถระสมาคม ว่าด้วยอำนาจเจ้าอาวาส ที่มีอำนาจในการปกครองภิกษุสามเณร สามารถมีคำสั่งให้ภิกษุที่ไม่อยู่ในอาวาท ออกจากวัดได้ภายในเวลา 3-15 วัน แต่หากพระรูปดังกล่าวไม่ยอมออก เจ้าอาวาสก็สามารถประสานเจ้าหน้าที่รัฐเข้าดำเนินการได้
ขณะที่ฝ่ายที่ถูกร้องให้ออกจากวัด ก็สามารถยื่นเรื่องทักท้วงให้ตรวจสอบเจ้าอาวาสได้เช่นกัน แต่ก่อนหน้านี้ทางมูลนิธิทนายกองทัพธรรม เคยพยายามพูดคุยกับพระคู่กรณีแล้วว่าปัญหาความขัดแย้งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น อีกฝ่ายต้องการร้องเรียนเจ้าอาวาสประเด็นใดบ้าง หรือมีหลักฐานใดบ้าง เพราะทางมูลนิธิฯ ต้องรับฟังพยานทั้ง 2 ฝ่าย แต่อีกฝ่ายไม่ขอให้ข้อมูล อ้างว่าไม่ไว้ใจมูลนิธิฯ
อ่านข่าวอื่น ๆ
ทนายอนันต์ชัย ลุยต่อเปิด “Super Big Surprise" 10 โมงที่ป.ป.ช.