ความคืบหน้ากรณีพระศรีสัจญาณมุนี เจ้าอาวาสวัดห้วยหินฝน รองเจ้าคณะจังหวัดชัยภูมิ และ ผอ.วิทยาลัยสงฆ์ชัยภูมิ ทำหนังสือชี้แจง หลังตกเป็นข่าวขึ้นไปล่าสัตว์ในเขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว จ.ชัยภูมิ
- รองเจ้าคณะจว.เข้ารับทราบ 3 ข้อกล่าวหาคดีล่าสัตว์ภูเขียว
- บิ๊กแบ็กแคดเมียมแตก! โซ่ขนขาด-ปรับแผนขนย้ายเข้าโกดัง
วันนี้ (30 เม.ย.2567) หนังสือดังกล่าวระบุว่า พระศรีสัจญาณมุนี พร้อมด้วยพระภิกษุ 2 รูป สามเณร 2 รูป รวมเป็น 5 รูป ได้ไปศึกษาธรรมชาติ หลีกเร้นเพื่อไปหาความวิเวกบนภูเขาในเขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว จ.ชัยภูมิ เมื่อวันที่ 21 เม.ย.ที่ผ่านมา และต่อมาได้มีลูกศิษย์วัด 4 คน ติดตามขึ้นไปร่วมสมทบ
ส่วนซากกระดูกสัตว์ที่ปรากฏภาพในข่าวนั้น เพียงเพื่อนำมาแผ่เมตตาบังสุกุลอุทิศส่วนกุศลให้แก่ดวงวิญญาณสัตว์ที่ล่วงลับไปแล้วเท่านั้น โดยได้บันทึกภาพวีดีโอหรือภาพเคลื่อนไหวไว้ แต่ไม่ได้นำออกมาเผยแพร่
พระและสามเณรทั้งหมดไม่ได้พกอาวุธปืนหรืออาวุธใดๆ ไปล่าสัตว์ส่วนการยิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ก็ไม่เป็นความจริง
ทั้งนี้รองเจ้าคณะจังหวัดยังขออภัยที่ทำให้มหาวิทยาลัยเสื่อมเสียชื่อเสียง และยอมรับข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น
อ่านข่าว พระวัดดังแก๊งล่าสัตว์ป่าภูเขียวยังหนี-พบเขากระทิงซุกเป้
ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อขอสัมภาษณ์ น.ส.ธัชสริญญ์ ฤทธิโชติ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดชัยภูมิ เพื่อขอสอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดชัยภูมิ บอกว่า ไม่สะดวกให้สัมภาษณ์ หรือให้ข้อมูล ต้องรีบเดินทางไปประชุมประจำเดือนที่จังหวัด
ส่วนพระราชชัยสิทธิสุนทร เจ้าคณะจังหวัดชัยภูมิ กล่าวว่า เพิ่งได้รับรายงานกรณีที่เกิดขึ้นจากรองเจ้าคณะจังหวัด ที่เข้าป่าพร้อมลูกศิษย์เพื่อไปเดินธุดงค์ปฏิบัติธรรมเท่านั้น เนื่องจากเป็นคนชอบเดินป่า และบ้านก็อยู่ในพื้นที่ป่า ไม่ได้ไปล่าสัตว์แต่อย่างใด และกรณีที่เกิดขึ้นได้ส่งรายงานไปให้พระชั้นผู้ใหญ่ที่กรุงเทพฯทราบแล้ว ส่วนจะมีการพิจารณาอย่างไรขึ้นอยู่พระผู้ใหญ่ จะตัดสินใจเองไม่ได้
ขณะที่ พล.ต.ต.สุชาติ คล้ายจันทร์พงษ์ ผบก.ภ.จว.ชัยภูมิ ลงนามคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานติดตามเร่งรัดคลี่คลายคดีดังกล่าว เมื่อวันที่ 27 เม.ย.ซึ่งพล.ต.ต.สุชาติ ยืนยันว่า พร้อมให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย และขอเวลาในการสอบสวน เพื่อสืบหาข้อเท็จจริง
ส่งชุดพญาเสือจำลองเหตุการณ์-ยันไม่มีมวยล้ม
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ให้สัมภาษณ์ไทยพีบีเอสออนไลน์ว่า ทราบเรื่องที่รองเจ้าคณะจังหวัดชัยภูมิ ปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมดแล้ว จึงจำเป็นต้องหาหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ และพฤติการณ์ต่างๆ ในที่เกิดมาใช้ในการต่อสู้คดี
ขณะนี้ได้ส่งชุดพญาเสือเข้าไปหาพยานหลักกฐาน และจำลองเหตุการณ์ในพื้นที่เพื่อเก็บข้อมูลทุกอย่างอย่างละเอียด รวมทั้งวัตถุพยานๆ และพยานบุคคลว่าทั้ง 9 คนใครอยู่จุดไหน ทำอะไรบ้าง แบบเดียวกับคดีเสือดำในป่าทุ่งใหญ่นเรศวร
รวมทั้งส่งซากกระดูกสัตว์ป่า เขา และชิ้นเนื้อที่ตรวจยึดได้ทั้งหมดส่งให้ศูนย์นิติวทยาศาสตร์ กรมอุทยานฯ แยกแยะหาดีเอ็นเอแล้ว เพื่อจะได้พิสูจน์ว่าเป็นสัตว์ชนิดใดและมีระยะเวลาในการถูกล่าและชำแหละนานกี่วัน
คดีนี้ไม่รู้สึกกดดัน และไม่มีมวยล้มแน่นอน ยิ่งเป็นพระผู้ใหญ่ก็ต้องห้ามปราม ไม่ไม่ลูกศิษย์ลูกหลานทำผิด
นายอรรถพล กล่าวอีกว่า คดีนี้ไม่ใช่แค่การล่าสัตว์ป่า แต่เรื่องการยิงปืนสวนและขัดขวางเจ้าหน้าที่ไม่ใช่ยิงแค่ขู่ จึงต้องหาหลักฐาน และพยานให้รัดกุมพยานรัดกุม เพื่อไม่ให้เกิดปัญหากลับมาถึงเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ว่าปรักปรำท่านพระ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่ถึงกับสั่งห้ามพระธุดงค์เข้าป่า แต่ต้องทำตามระเบียบและไม่เข้าไปในพื้นที่ปิดหวงห้าม หรือเข้าไปสร้างที่พักในป่า
อ่านข่าว : บิ๊กแบ็กแคดเมียมแตก! โซ่ขนขาด-ปรับแผนขนย้ายเข้าโกดัง