VOCs คืออะไร
VOCs (Volatile Organic Compounds : VOCs) หรือในชื่อภาษาไทยเรียก สารอินทรีย์ระเหยง่าย มีคาร์บอนเป็นองค์ประกอบหลัก และมีไฮโดรเจน ออกซิเจน ฟลูออไรด์ คลอไรด์ โบรไมด์ ซัลเฟอร์ หรือไนโตรเจน ประกอบร่วมกันเป็นพวกอะลิฟาติก (Aliphatic) หรืออะโรเมติก (Aromatic) รวมถึงกลุ่มคาร์บอนิล (อัลดีไฮด์ คีโตน) และกลุ่มแอลกอฮอล์ ที่สามารถระเหยกลายเป็นไอหรือก๊าซได้ง่ายที่อุณหภูมิห้อง
VOCs เกิดจากการเผาไหม้ของน้ำมัน ถ่านหิน และก๊าซธรรมชาติ รวมทั้งปล่อยออกมาจากการประกอบกิจการของภาคอุตสาหกรรมการผลิต แหล่งกำเนิดที่สำคัญของ VOCs คือ รถยนต์ โรงงานอุตสาหกรรม และแหล่งกำจัดขยะ เมื่อ VOCs ถูกนำไปใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ ประกอบกับฟอร์มที่เป็นอะโรเมติก แอลกอฮอล์ ที่ระเหยง่าย จึงมักเกิดปัญหาร้องเรียน "เรื่องกลิ่น" ซึ่งเป็นปัญหามลพิษที่เกิดการร้องเรียนสูงสุดตามมา
![](https://news.thaipbs.or.th/media/TSNBg3wSBdng7ijMhaqiURnVVuHBBMpM1OPjNj0IeU9.jpg)
ในชีวิตประจำวันเราได้รับ VOCs จากผลิตภัณฑ์หลายอย่าง เช่น สีทาบ้าน ควันบุหรี่ น้ำยาฟอกสี สารตัวทำละลายในหมึกพิมพ์จากอู่พ่นสีรถยนต์ โรงงานอุตสาหกรรม น้ำยาซักแห้ง น้ำยาสำหรับย้อมผมและน้ำยาดัดผม สารฆ่าแมลง น้ำมันเชื้อเพลิง สารที่เกิดจากการเผาไหม้และปะปนในอากาศ น้ำดื่ม เครื่องดื่ม อาหาร เป็นต้น
ผลกระทบจาก VOCs
ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม
- ด้านคุณภาพอากาศ ไอระเหย VOCs ที่สะสมไว้เป็นเวลานาน มีผลต่อชั้นโอโซนที่อยู่ใกล้โลก ทำให้เกิดปฏิกิริยา Photochemical Smog ที่มีแสงแดดเป็นตัวเร่ง และเป็นอันตรายต่อสุขภาพของมนุษย์ ทำให้เกิดอาการเจ็บคอ หายใจไม่สะดวก ถ้าได้รับเป็นเวลานานเนื้อเยื่อปอดจะถูกทำลายอย่างถาวร และมีผลต่อระบบภูมิคุ้มกันของมนุษย์
- ด้านคุณภาพน้ำผิวดินและน้ำใต้ดิน สาร VOCs ที่ถูกปล่อยลงดินหรือรั่วไหลลงสู่แหล่งน้ำ ส่งผลกระทบต่อคุณภาพ เกิดความเป็นพิษขึ้น พืชและสัตว์น้ำจะไม่สามารถอยู่ได้
- ด้านคุณภาพดิน VOCs เมื่อซึมลงสู่ดินจะเกิดการสะสมในชั้นดิน กระทบต่อคุณภาพและการใช้ประโยชน์ของดินในบริเวณนั้น
- กระทบต่อพืชและระบบนิเวศ ทำลายคลอโรฟิลล์ พืชไม่สามารถสังเคราะห์แสงได้ แคระแกร็น โตช้าจนตายลงในที่สุด
อ่านข่าว : "สาธารณภัย" ต้องรุนแรงขั้นไหนถึงต้องประกาศ "ภาวะฉุกเฉิน"
ผลกระทบต่อสุขภาพ
มนุษย์สามารถรับ VOCs ได้ 3 ทาง คือ การหายใจ การกิน และการสัมผัส เมื่อได้รับ VOCs เข้าไปแล้วเกิดอันตรายต่อสุขภาพจะแตกต่างกันไปตามชนิดของ VOCs
- การหายใจ กระทบระบบประสาทส่วนกลาง นอนไม่หลับ ความจำเลอะเลือน เวียนศีรษะ มึนงง หมดสติ ระคายเคืองต่อจมูก ลำคอ น้ำท่วมปอด หายใจติดขัด หัวใจเต้นช้า เกิดความผิดปกติในระบบเลือด คลื่นไส้ ตับ-ไต-กระเพาะปัสสาวะถูกทำลาย
- การกิน กดประสาทส่วนกลาง เป็นแผลไม้ที่ปากเหงื่อออกมาก หอบหืดคล้ายหายใจเข้าไปตลอดเวลา เป็นแผลที่กระเพาะอาหาร ท้องอืด ปวดท้อง เบื่ออาหาร
- การสัมผัส เกิดแผลพุพอง แผลไหม้ ผื่นแดง ผิวหนังแห้ง หากเข้าตาทำให้ตาระคายเคือง ปวดตา ตาแดง เป็นแผลไหม้
![](https://news.thaipbs.or.th/media/TSNBg3wSBdng7ijMhaqiURnVVuHBBMtTEWpf2I2q3Ff.jpg)
สาร VOCs มีผลต่อสุขภาพมากหรือน้อยนั้นขึ้นอยู่กับคุณสมบัติของสารเคมีปริมาณที่ได้รับ สภาวะทางชีวภาพของร่างกาย และปัจจัยอื่นๆ สาร VOCs บางชนิดหากได้รับในปริมาณมากทำให้เกิดการทำลายระบบประสาทส่วนกลาง คือไปกดประสาทส่วนกลางโดยอาจจะเกิดอาการทันที ทำให้หมดสติได้ แต่ถ้าได้รับในปริมาณน้อยเป็นเวลานาน ก็ทำให้เกิดปัญหาเรื้อรัง ทำให้เกิดมะเร็ง และเกิดการเสื่อมของเนื้อเยื่ออวัยวะภายในได้ด้วย สำหรับการรักษาผู้ป่วยนั้นมีความลำบากยุ่งยากมาก ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดคือการป้องกันและควบคุม
อ่านข่าว : วิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้นผู้ได้รับสารพิษ "จากการสูดดม"
เพลิงไหม้มาบตาพุดแทงค์ ไวไฟระดับ 3
VOCs เป็นสารเคมีที่ติดไฟง่าย จากกรณีเพลิงไหม้ถังบรรจุแก๊สโซลีน จากการกลั่นน้ำมันในอุตสาหกรรมซึ่งกลุ่มปิโตรเคมี ที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดนั้น พบว่าสารต้นเพลิงมีความไวไฟระดับ 3 อ้างอิงตามระบบ NFPA
(The National Fire Protection Association) ของสหรัฐอเมริกา กำหนดสัญลักษณ์แสดงอันตราย (Hazard Pictogram) เป็นรูปเพชร (Diamond-shape) เพื่อใช้ในการป้องกันและตอบโต้เหตุเพลิงไหม้
![](https://news.thaipbs.or.th/media/TSNBg3wSBdng7ijMhaqiURnVVuHBBMn5KH4s5X1K9n0.png)
สัญลักษณ์ดังกล่าวมีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่วางตั้งตามแนวเส้นทแยงมุม ภายในแบ่งออกเป็นสี่เหลี่ยมย่อย ขนาดเท่ากัน 4 รูป ใช้พื้นที่กำกับ 4 สี ได้แก่
- สีแดง แสดงอันตรายจากไฟ (Flammability)
- สีน้ำเงิน แสดงอันตรายต่อสุขภาพ (Health)
- สีเหลือง แสดงความไวต่อปฏิกิริยาของสาร (Reactivity)
- สีขาวแสดงคุณสมบัติพิเศษของสาร และใช้ตัวเลข 0 ถึง 4 แสดงถึงระดับอันตราย
ความไวไฟระดับ 3 นั้น หมายถึงของเหลวหรือของแข็งที่ติดไฟได้ในอากาศ ที่อุณหภูมิปกติ ได้แก่ สารที่มีจุดวาบไฟน้อยกว่า 22.8 องศาเซลเซียส และมีจุดเดือดมากกว่า 37.8 องศาเซลเซียส เมื่อได้รับความร้อนหรือแรงสั่นสะเทือนที่สูงพอ จะระเบิดได้ มีอันตรายต่อสุขภาพคือ เมื่อสูดดมในเวลาสั้น ๆ หรือสัมผัสผิวหนัง ประมาณเล็กน้อยจะเป็นอันตรายร้ายแรงชั่วคราว หรือมีผลตกค้างได้
ที่มา : คู่มือวิชาการเรื่อง สารอินทรีย์ระเหยง่ายในอากาศ (Volatile Organic Compounds : VOCs) สำนักอนามัยสิ่งแวดล้อม กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข, กองความปลอดภัยแรงงาน กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
อ่านข่าวอื่น :
บ.มาบตาพุดแทงค์ฯ ชี้แจงไฟไหม้ถังเก็บสารไพรโรไลสิส แก๊สโซลีน
ศาลปกครอง สั่งปรับ ป.ป.ช. 1 หมื่นบาท ไม่เปิดข้อมูลนาฬิกา "บิ๊กป้อม"