การศึกเปิดหลายแนวรบไม่ได้ ฉันใด พรรคเพื่อไทย ภายใต้การนำของ"บิ๊กบอส" ทักษิณ ชินวัตร ก็ย่อมตั้งรักษาฐานตั้งมั่นไว้ก่อน ฉันนั้น ขณะที่ "ทักษิณ" ต้องเจอคำสั่งฟ้องอัยการสูงสุดในคดีความผิดมาตรา 112 ส่วน "นายกฯนิด" เศรษฐา ทวีสิน เจอไป 2 คดี เปิดแผลใหม่หมาด ๆ ปมศาลรัฐธรรมนูญ รับคำร้อง 40 สว.พิจารณาความเป็นรัฐมนตรีของนายกฯ สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 หรือไม่
และคดีคำสั่งให้ "บิ๊กโจ๊ก" พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.ออกจากราชการไว้ก่อน ทำให้นั่งไม่ติดเก้าอี้ ต้องไปอัญเชิญ ซือแป๋ "วิษณุ เครืองาม" อดีตรองนายกฯ สมัยรัฐบาล "ลุงตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มานั่ง "ที่ปรึกษาสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี"
อ่านข่าว : "วิษณุ เครืองาม" กุนซือกฎหมายคู่ใจหลายรัฐบาล
นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ
นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ
พลันเทียบเชิญเพื่อไทยปรากฎ เสียงวิจารณ์การ "คัมแบ็ก" ของ "ดร.วิษณุ" ผ่านโลกโซเชียล ก็ดุเดือดเลือดพล่าน "นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ" โพสต์จั่วหัวเดือด "พระสมเด็จในคอโจร" โดยระบุว่า ค่อนข้างแปลกใจว่า ดร.วิษณุ เครืองาม เข้าไปอยู่ในกลุ่มคนที่เคยประณามอาจารย์มาแล้วได้ยังไง ตามหลักกฎหมายในการบริหารราชการแผ่นดิน ในแผ่นดินนี้ไม่มีใครเทียบอาจารย์ได้
นิพิฎฐ์ บอกว่า แม้บางครั้งอาจจะเสียดสีไปบ้าง แต่ทำในฐานะ ดร.วิษณุ เป็นนักการเมือง เพราะเรื่อง "เอาตัวรอดเป็นยอดดี" อาจารย์ผมสุดยอดในเรื่องนี้ เสียดายผมไม่ได้เรียนวิชา "เอาตัวรอดเป็นยอดดี"
อาจารย์วิษณุของผม เปรียบเหมือน "พระสมเด็จ" ที่เลอค่าด้วยพุทธศิลป์ และ พุทธคุณ เป็นจักรพรรดิ์แห่งพระเครื่องที่ทุกคนไม่ว่าเป็นคนดี หรือเป็นโจร ปรารถนาอยากแขวนขึ้นคอกันทั้งนั้น
และจะสุขใจยิ่งนัก หากเห็น ดร.วิษณุ อาจารย์ของผม ที่ผมเปรียบเป็นเหมือน "พระสมเด็จ" แขวนอยู่ในคอของคนดี แต่นึกไม่ถึงว่า วันนี้ พระสมเด็จองค์นี้ ถูกอาราธนามาแขวนอยู่ในคอโจรไปแล้ว... ไม่รู้ว่าอดีต สส.ค่ายสีฟ้าจะแค่แสดงความผิดหวัง หรือแค่จะท้วงติง เท่านั้น
ไม่มีผลพักโทษ แต่พักผ่อนตามคำสั่งแพทย์ไปแบบเงียบ ๆ หลังจากก่อนหน้านี้ออนทัวร์เมืองโคราช พบปะคนเสื้อแดงและแฟนคลับเพื่อไทยกระฉับกระเฉง "ทักษิณ" ไม่มาฟังคำสั่งฟ้องคดีมาตรา 112 ที่สำนักงานอัยการสูงสุด แต่ให้ทนายมาเลื่อนนัดพร้อมใบรับรองแพทย์ติดโควิด-19 ทว่า "บิ๊กวี" พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ยืนยันว่า การสั่งฟ้องคดีดังกล่าว ไม่มีผลต่อการพักโทษของอดีตนายกฯทักษิณ เนื่องจากคดีนี้ยังไม่มีคำพิพากษาถือว่า จึงถือเป็นผู้บริสุทธิ์
"การพักโทษ มีข้อกำหนดหลักเกณฑ์ไว้อยู่แล้ว หากผิดเงื่อนไข กรมคุมประพฤติจะต้องทำรายงานให้ทราบ ซึ่งที่ผ่านมายังไม่พบรายงาน นายทักษิณ ฝ่าฝืนหลักเกณฑ์การพักโทษ" เป็นการการันตีของ "บิ๊กวี" พ.ต.อ.ทวี
พร้อมรบน้ำท่วม ครบทีมที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อ "นายกฯนิด" เศรษฐา เป็นประธานถกแก้ปัญหาน้ำท่วมในเขต กทม.ร่วมกับ "บิ๊กทิน" สุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม และ "มท.หนู" อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย พร้อม "ชัชชาติ สิทธิพันธุ์" ผู้ว่าฯ กทม. หลังรับฟังข้อมูลจาก สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติว่า ปีนี้ปริมาณน้ำฝนจะมีจำนวนมากกว่าปีที่ผ่านมาถึง 10% โดยเฉพาะเดือน ก.ย.จะมีปริมาณน้ำจำนวนมาก จาก น้ำฝน น้ำหลาก และน้ำเหนือซึ่งจะไหลลงมายังภาคกลางลงแม่น้ำเจ้าพระยา
โดยได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งขุดลอกคลอง ทำคันกั้นน้ำ ให้แล้วเสร็จภายในเดือน มิ.ย.เพื่อเตรียมรองรับปริมาณน้ำช่วงเดือน ก.ย. พร้อมให้เตรียมความพร้อมของอุโมงค์ระบายน้ำ จัดลำดับความสำคัญการบริหารจัดการน้ำ และการช่วยเหลือประชาชนจากน้ำท่วม ให้ดูแลพื้นที่ชุมชนแออัด ประชาชนที่เดือดร้อนเป็นหลัก
กลับมาที่ค่ายสีฟ้า "เสี่ยต่อ" เฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ประกาศหักปากกาสำนักโพล ปิดตำนานส่งเสาไฟฟ้าลงผู้แทน หลังเดินทางลงพื้นที่ จ.สงขลา เพื่อพบปะผู้นำท้องถิ่น และสมาชิกพรรค โดยมีหัวขบวน "เดชอิศม์ ขาวทอง" เลขาธิการพรรคฯ "นริศ ขำนุรักษ์" อดีต รมช. มหาดไทย และ สส.ปชป.ใต้อีกส่วนหนึ่งเข้าร่วม
"วันนี้ผมยอมรับคำพิพากษา และคำวิพากษ์วิจารณ์ทั้งหมด และยืนยันว่านับแต่นี้ ประชาธิปัตย์ไม่มีทางส่งเสาไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวลงเลือกตั้งเด็ดขาด แม้วันนี้เราจะมี สส. แค่ 25 คน แต่จะทำให้ 25 คน เป็นเหมือนกิ่งไผ่เล็ก ๆ ที่มามัดรวมกันให้มีความเข้มแข็งเหมือนท่อนไม้ เราจะเดินเคียงข้างกับพี่น้องประชาชนทั้งหมด ..มั่นใจว่าพื้นที่ในภาคใต้โดยเฉพาะจุดแรกที่ได้ไปลงพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เราจะได้ สส. เพิ่มขึ้นแน่นอนในสมัยหน้า ผมจะหักปากกาโพล"
เสี่ยต่อ "เฉลิมชัย" ย้ำว่า ประชาธิปัตย์หลังจากนี้ต้องคบได้ และโมโหให้น้อยลง ..สิ่งที่เราหลอกคนไม่ได้คือความจริง และความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย หลังจากนี้จะกล้าทำนโยบายที่ตรงใจ และแก้ปัญหาตรงกับความต้องการของพี่น้องประชาชน โดยลบความรู้สึกเดิม ๆ กับความเป็นอนุรักษ์นิยมแบบเก่าออกไป
อ่านข่าว : กฤษฎีกาชี้ปลด "บิ๊กโจ๊ก"ออกราชการ-นายกฯ ต้องกราบบังคมทูล
ยังไหวและรอได้ "บิ๊กโจ๊ก" พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. บอกว่า หลังจากสำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ส่งเรื่องให้คณะกรรมการกฤษฎีกา ตรวจสอบข้อกฎหมายเกี่ยวกับคำสั่งให้ มีคำสั่งออกจากราชการไว้ก่อน เพื่อรอฟังผลการสอบสวนพิจารณาทางวินัย ว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบเรื่องต้องถามข้อมูลจากผู้รู้ หรือถามทางด้านของคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งตอบแทนไม่ได้ แต่ยืนยัน จะยังไม่ยื่นหนังสือหรือเรียกร้องความยุติธรรมเพิ่มเติม เนื่องจากเรื่องอยู่ในกระบวนการอยู่แล้ว
"ต้องไปถาม นายวิษณุ เครืองาม ที่ขณะนี้ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 2) อีกทั้งยังยอมรับว่า ปัจจุบัน ผมก็ยังไม่รู้สถานการณ์ดำรงตำแหน่งทางราชการของตัวเองเช่นกัน"
ทางรอดและทางเลี่ยง "บิ๊กเอก" พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ กรรมการข้าราชการตำรวจ ผู้ทรงคุณวุฒิ บอกว่า คดี "บิ๊กโจ๊ก" พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ก่อนนายกฯจะนำความขึ้นทูลเกล้าฯ อาจจะต้องรอฟังผลการวินิจฉัยของคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.)
ซึ่งคำวินิจฉัยจะมี 2 แนวทาง คือ เป็นคุณกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ต้นสังกัดจะต้องมีคำสั่งให้กลับเข้ารับราชการทันที โดยมีผลย้อนหลังกลับไปตั้งแต่วันที่ 18 เม.ย. ซึ่งเป็นวันที่มีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน และเชื่อว่า "บิ๊กโจ๊ก" จะนำคำวินิจฉัยดังกล่าว มาใช้สิทธิในการฟ้อง "บิ๊กต่าย" พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาราชการแทน ผบ.ตร.
แต่ถ้าหากผลคำวินิจฉัยเป็นโทษ "บิ๊กโจ๊ก" พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ก็สามารถร้องศาลปกครองสูงสุดได้ ซึ่งมีกรอบระยะเวลา 90 วัน ซึ่งกรณีทั้งหมดว่าด้วยข้อกฎหมายดังนั้นต้องรอให้ ก.พ.ค.ตร.และศาลปกครองสูงสุดเป็นผู้ชี้ขาด...เป็นหนังม้วนยาว ที่ยังต้องติดตาม
อ่านข่าว : ลุ้น "ทักษิณ" ได้ประกันตัวคดี ม.112 จับตาการเมืองร้อน มิ.ย.