วันนี้ (23 มิ.ย.2567) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มูลนิธิ The Hope Thailand ได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านว่า พบ 2 สามีภรรยาที่จ.บุรีรัมย์ มีพฤติกรรมทารุณกรรม หมา-แมว จึงเข้าให้ความช่วยเหลือ
โดยเจ้าหน้าที่จากมูลนิธิ พร้อมกู้ภัยเข้าช่วยเหลือลูกหมาและลูกแมว 2 ตัว อายุประมาณ 1-2 เดือน พวกมันอยู่ในสภาพถูกกักขังไว้ไม่มีคนดูแล ร้องโหยหวนตลอดเวลาเพราะหิว หลังนายวัชรินทร์ หรือตั้ม อายุ 31 ปี เป็นเจ้าของบ้าน มีพฤติกรรมทารุณกรรมหมา และแมว
ด้วยการทุบตีจับเหวี่ยงใส่กำแพงบ้าน บางครั้งก็ขังไว้ในบ้านให้อดข้าวอดน้ำจนตายหลายตัว จนชาวบ้านทนไม่ไหว บางครั้งชาวบ้านเห็นสงสาร ก็จะขอเอาลูกสุนัขลูกแมวไปเลี้ยง แต่นายตั้ม ก็จะเรียกร้องเอาเงินจากคนที่ขอไปเลี้ยงตัวละ 100–200 บาท
ลูกหมา-ลูกแมว 2 ตัวชาวบ้านประสานมูลนิธิ The Hope Thailand เข้าช่วยเหลือได้จาก จ.บุรีรัมย์
เบื้องต้นได้แจ้งข้อหานายวัชรินทร์ ฐาน “ทารุณกรรมสัตว์” นายตั้ม ยอมรับสารภาพว่า เมื่อก่อนเคยทำร้ายหมา แมวจริง แต่ทุกวันนี้ไม่ได้ทำแล้ว ที่เอาหมามาเลี้ยง เพราะเอาไว้ให้เฝ้าบ้านเวลาที่ตนเองไม่อยู่ ทั้งอ้างว่าไม่ได้ปล่อยหมา แมว อดข้าวอดน้ำจนตาย แต่บางครั้งที่ตนไม่อยู่บ้านก็ให้ภรรยา แวะมาดูเอาอาหารมาให้ ก็ยอมถ้าจะติดคุกเพราะหมา แต่อยากได้หมากลับมาคืน
ชาวบ้านร้องพฤติกรรมทุบตีเรียกคะแนนสงสาร
ขณะที่ชาวบ้านให้ข้อมูลว่า เห็นพฤติกรรมของ นายตั้ม เวลาทะเลาะกับภรรยา ก็จะทำร้ายหมา-แมว ที่ผ่านมาก็เคยช่วยเอาลูกสนุัขกับลูกแมวไปเลี้ยงเพราะสงสาร แต่พอเห็นเขาทำร้ายสัตว์บ่อยเป็น 10 ครั้ง ก็รู้สึกทนไม่ไหว เพราะเข้าข่ายทารุณกรรมสัตว์
ครั้งแรกเขาเอาแมวมาเลี้ยงก่อน และเวลาทะเลาะกันก็จะทุบตีแมว-หมา ได้ยินเสียงหมาแมวร้องเป็นอาทิตย์แล้ว และเคยไปบอกให้เลิกเลี้ยง เพราะเขาเหวี่ยงออกมาจนติดกำแพง และเจอหลายครั้ง
ชาวบ้านบางคนให้ข้อมูลว่า ทั้ง 2 คนพบว่ามีพฤติกรรมเอามาเลี้ยงและตีให้ชาวบ้านสงสารเพื่อที่ชาวบ้านจะให้เงิน 100-200 บาทให้นำออกมาเลี้ยง และถ้าคนแถวนี้ไม่ซื้อก็นำหมา-แมวมาขายในตลาด แต่ก็ทำแบบนี้มาหลายครัั้งเพราะหมา-แมวถูกขัง
ส่วนนายตั้ม รับสารภาพว่าทำร้ายหมา-แมว แต่ช่วงที่เกิดเสียงดังจริงเพราะว่าไปอยู่ที่โรงพยาบาล และให้ภรรยามาดูแล และอยากได้หมาคืนเพื่อเอาไว้เฝ้าบ้าน และยอมรับว่าเคยเอาลูกหมา-แมวไปขายจริงตัวละ 100-200 บาท