วันนี้ (12 ก.ค.2567) ผู้เสียหายนำหลักฐานเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ อ้างว่าภรรยาและรองผู้กำกับการสอบสวน สถานีตำรวจภูธรแห่งหนึ่งใน จ.สุพรรณบุรี ให้กู้ยืมเงิน โดยคิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 5-7 ต่อเดือน และเมื่อชำระเงินต้นครบก็ถูกให้ทำสัญญาขึ้นใหม่ เพื่อชำระดอกเบี้ยเพิ่ม หากไม่จ่ายเงินตามกำหนด เจ้าหนี้ซึ่งเป็นภรรยาของรองผู้กำกับฯ จะนำไปโพสต์ประจานทางโซเชียลมีเดีย ส่วนรองผู้กำกับจะทำหน้าที่สืบค้นข้อมูล ที่อยู่และตามยึดรถยนต์ของลูกหนี้
หนึ่งในผู้เสียหาย กล่าวว่า ได้กู้ยืมเงินจำนวนหนึ่งจากภรรยาตำรวจ เพราะรู้จักเป็นการส่วนตัว โดยได้ทำการกู้เงินที่ จ.อุบลราชธานี เมื่อชำระเงินต้นครบ ถูกให้ทำสัญญากู้เงินขึ้นใหม่ กลายเป็นว่าต้องชำระค่าดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นอีก ทำให้เชื่อว่าถูกโกง จึงประสานดำเนินคดีที่กองปราบปราม
ขณะที่นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ผู้รับประสานจากผู้เสียหายให้เข้าแจ้งความ เปิดเผยว่า พฤติกรรมของรองผู้กำกับการสอบสวน สภ.แห่งหนึ่งใน จ.สุพรรณบุรี ที่ร่วมกับภรรยาออกเงินกู้นอกระบบ มีความไม่เหมาะสมต่อการปฏิบัติหน้าที่ หลังเพิ่งมารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 11 ม.ค.2566 แต่กลับไม่เข้ามาปฏิบัติหน้าที่เพราะอ้างว่าถูกให้ไปช่วยราชการให้กับรอง ผบ.ตร.นายหนึ่ง จึงอยากให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติตรวจสอบถึงความเหมาะสมและเข้าข่ายกระทำผิดหรือไม่
สำหรับผู้เสียหายพบว่ามีกว่า 5 คน รวมมูลค่าที่กู้ยืมเงินจากเจ้าหนี้กว่า 10 ล้านบาท หลังจากนี้ ผู้เสียหายจะไปร้องขอความเป็นธรรมกับ บก.ปปป. ให้ดำเนินการกับรองผู้กำกับสอบสวนนายนี้ และให้ตรวจสอบคำสั่งช่วยราชการว่าชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ หากไม่ชอบด้วยกฎหมาย ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมจะแจ้งความดำเนินคดีกับรอง ผบ.ตร.ที่สั่งให้มาช่วยราชการ
อ่านข่าว
ปิดคดี "ลุงเปี๊ยก" ประเดิมพ.ร.บ.อุ้มหาย สั่งฟ้อง 8 ตำรวจทำทรมาน
ปิดล้อมพื้นที่ตามจับแก๊งค้ายาเสพติด ยิงตำรวจเสียชีวิต 1 เจ็บ 1