กรณีปฏิบัติการของตำรวจน้ำร่วมกับกองบังคับการปราบปราม เข้าตรวจยึดเรือน้ำมันเถื่อน 5 ลำ พร้อมกลุ่มผู้ต้องหาที่ลอยลำใกล้ทะเลอ่าวไทย อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 19 มี.ค.ที่ผ่านมา การสอบสวนกลุ่มผู้ต้องหาต่อสู้ในประเด็นการจับกุมนอกราชอาณาจักรไทย
วันนี้ (15 ก.ค.2567) นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน สำนักงานอัยการสูงสุด พร้อมพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ได้เดินทางลงพื้นที่พิสูจน์พิกัดจับกุมเรือน้ำมันเถื่อน
นายวัชรินทร์ ระบุถึงความสำคัญของการพิสูจน์ทราบพิกัด ว่า หากบริเวณที่มีการจับกุมผู้ต้องหาอยู่ในเขตต่อเนื่องก็ไม่มีปัญหาในการดำเนินคดี แต่เบื้องต้นตามพยานหลักฐานของชุดปฏิบัติการและข้อมูลแผนที่ทางทะเล ชี้ว่าเป็นการจับกุมในเขตเศรษฐกิจจำเพาะ ซึ่งเป็นน่านน้ำสากล ดังนั้นจึงต้องพิสูจน์ระยะทางให้ชัดเจนว่าพ้นอาณาเขตไทยไปมากน้อยแค่ไหน เพื่อพิสูจน์ให้เห็นถึงเจตนาของกลุ่มผู้ต้องหาที่จะลักลอบนำน้ำมันเถื่อนเข้ามาขายในไทย
นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน สำนักงานอัยการสูงสุด
นายวัชรินทร์ ยังกล่าวถึงปฏิบัติการจับกุมของเจ้าหน้าที่ด้วยว่า ในเบื้องต้น ก่อนการเข้าตรวจค้นเจ้าหน้าที่พบเห็นเรือชักธงไทยนอกน่านน้ำไทย ย่อมหมายถึงตำรวจไทยสามารถขอเข้าตรวจค้นเรือได้ เมื่อพบน้ำมันและพฤติการณ์ต้องสงสัยก็เป็นหน้าทีที่จะต้องร้องทุกข์กล่าวโทษ
แต่การลงพื้นที่ในวันนี้ (15 ก.ค.) เมื่อพิสูจน์ข้อมูลได้ครบถ้วนจะนำประกอบการพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมตามความผิด พ.ร.บ.ศุลกากรและ พ.ร.บ.สรรพสามิต ด้วย และคดีนี้แม้ว่าอัยการสูงสุดจะมอบหมายว่าเป็นคดีนอกราชอาณาจักร แต่การมอบหมายดังกล่าวก็เพื่อมอบหมายให้เกิดการสอบสวนได้เท่านั้น ในรายละเอียดทางคดีมีการกระทำความผิดหรือไม่และใครร่วมกระทำผิดบ้าง คณะทำงานจะเป็นผู้รวบรวมพยานหลักฐานนำเสนอสำนวนคดีต่ออัยการสูงสุดเพื่อพิจารณาสั่งฟ้องคดี
สำหรับคดีการจับกุมเรือน้ำมันเถื่อน 5 ลำ ยังไม่ปรากฏว่ามีการกล่าวหาโจ้ ปัตตานี แต่ในคดีการขโมยเรือน้ำมันของกลางออกไปจากท่าเทียบเรือสัตหีบ 3 ลำ ในการสืบสวนสอบสวนตำรวจพบความเชื่อมโยงเกี่ยวข้อง ซึ่งอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอให้ศาลออกหมายจับ
อ่านข่าว
ยัน 50 ล้านคนสิทธิ "ดิจิทัลวอลเล็ต" ไม่ขยับไทม์ไลน์แจกเงิน
"ภูมิธรรม" โยนถาม "ทักษิณ" หลังบอกเตรียมช่วยงานรัฐบาล หลังพ้นโทษ