เหลืออีก 2 วัน ก็รู้ว่า "หมู่" หรือ "จ่า" กับชะตากรรมของพรรคก้าวไกล จะได้ไปต่อ หรือหยุดอยู่แค่นี้ ท่ามกลางกระแสข่าวว่า ก้าวไกล ก็เตรียมพรรคสำรองไว้ล่วงหน้า คือ พรรคถิ่นกาขาวชาววิไล ที่ผ่านมา "ไหม" ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคฯ แม้ไม่ได้ยอมรับ แต่ก็ไม่มีเสียงปฏิเสธ และหากในวันที่ 7 ส.ค.ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งให้ยุบพรรค แน่นอนว่า ผู้ที่ได้รับผลกระทบแน่ๆ นอกจาก "ทิม" พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ , "ต๋อม" ชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคฯ แล้ว "ไหม" ศิริกัญญา ก็เลี่ยงไม้พ้น
โดยเฉพาะหากถูกชี้ว่า พรรคฯมีการกระทำที่ผิดจริยธรรมร้ายแรง ก็จะต้องถูกตัดสิทธิการเมืองตลอดชีวิต ที่สำคัญคือ สส.ก้าวไกล จำนวน 44 คนที่ร่วมยื่นแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ก็จะมีความเสี่ยงตามไปด้วย ล่าสุดวันนี้ (5 ส.ค.) เพจพรรคก้าวไกล โพสต์ระบุว่า ไปต่อ! ข้อต่อสู้ในเอกสารคำแถลงปิดคดี ที่พรรคก้าวไกลส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญ ส่วนที่ 2 ข้อเท็จจริง โดยระบุว่า คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 3/2567 ไม่มีผลผูกพันในการพิจารณาวินิจฉัยคดีนี้
นอกจากการเสนอนโยบายแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 แล้ว การกระทำอื่นๆ ตามคําร้อง มิได้เป็นการกระทําของพรรคก้าวไกล การกระทำตามที่ กกต. กล่าวหา มิได้เป็นการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือเป็นการกระทำอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
ดังนั้น การพิจารณาวินิจฉัยยุบพรรคการเมืองไม่อยู่ในเขตอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ การยื่นคำร้องคดีนี้ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ไม่ดูดแน่นอน เสียงจาก "วิสุทธิ์ ไชยณรุณ" ประธานวิปรัฐบาล ยืนยันว่า แม้จะได้ยินกระแสดูด "สส.ก้าวไกล" แต่เพื่อไทย ไม่มีความคิดที่จะไปดูดใครมา... เสียงขณะนี้พอแล้ว อยู่ได้สบาย ไม่จำเป็นต้องไปหาเสียงมาเติม ปล่อยให้เขาอยู่ไป เราเองก็ได้แต่เป็นเพื่อนร่วมทุกข์ร่วมสุขกันในสภา และได้ให้กำลังใจสมาชิกพรรคก้าวไกลและโหวตเตอร์ฯ
ไม่รู้ว่าจะออกมาบวกหรือลบ ในอดีตพรรคไทยรักไทยก็เคยโดนมาแล้ว ก็ไม่เห็นด้วยกับการยุบพรรค
อย่าแทรกแซงศาลไทยคดีก้าวไกล "ดร.กานต์" รัชดา ธนาดิเรก อดีตสส.กทม.พรรคประชา ธิปัตย์ และอดีตรองประธานกรรมาธิการการต่างประเทศสภาผู้แทนราษฎร แสดงความเห็นต่อท่าทีของทูต 18 ประเทศต่อการพิจารณาคดีพรรคก้าวไกลของศาลรัฐธรรมนูญ ที่จะมีขึ้นในวันที่ 7 ส.ค.นี้ ว่า หมิ่นเหม่เสมือนเป็นความพยายามแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แก่ใจ ว่า การพิจารณาคดีดังกล่าวตั้งอยู่บนข้อกฎหมาย ข้อเท็จจริงและพฤติกรรมอันเข้าข่ายผิดรัฐธรรมนูญ โดยพรรคก้าวไกลได้ดำเนินการต่อสู้คดีความตามวิถีของตนเองแล้ว และไม่มีกลไกใดเข้าขัดขวางการต่อสู้ดังกล่าว
"การแสดงออกของกลุ่มทูต 18 ประเทศ ทั้งท่าทีให้การสนับสนุน เห็นอกเห็นใจ การประกาศไม่เห็นด้วยกับการยุบพรรคก้าวไกล ถือเป็นเรื่องผิดมารยาทอย่างมาก ขอให้คณะผู้แทนประเทศฯตระหนักว่า สิ่งทำไป ไม่ได้สร้างประโยชน์ต่อยอดความสัมพันธ์ ระหว่างประเทศ ขณะที่ไทยไม่เคยเรียกร้องหรือแสดงออก ทางใดทางหนึ่ง ที่ไม่เคารพกระบวนการยุติธรรมของประเทศอื่น เลย จึงเป็นเรื่องที่แต่ละประเทศจะต้องยึดถือให้ตรงกัน"
จึงขอเรียกร้องให้กระทรวงการต่างประเทศแสดงบทบาทผู้ปกป้องกระบวนการยุติธรรมไทย กฎหมายไทย เพื่อหยุดยั้งท่าทีแทรกแซงประเทศของเรา หรือการยอมเป็นเหยื่อพรรคการเมือง ซึ่งสุดท้ายกระทบต่อความรู้สึกคนไทยอย่างแน่นอน
พร้อมแล้ว "มุ่ง" อัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี ในฐานะโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ชี้แจงหลัง "พีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค" รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรค รทสช. ได้ส่งหนังสือไปยังนายกฯรัฐมนตรี แสดงเจตจำนงให้ "ขิง"เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรค รทสช. เป็นรัฐมนตรีแทนโควตาของพรรคที่ว่างอยู่
"พรรคฯยังเหลือโควตารัฐมนตรีอีกหนึ่งตำแหน่ง ข่าวที่ออกมาว่าจะเป็นนายเอกนัฏ ก็ถือว่าไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะหลุดจากคดีความแล้ว และมีคุณสมบัติเป็นรัฐมนตรี ดังนั้น กรรมการบริหารพรรค และ ส.ส.ของพรรค คงไม่มีใครปฏิเสธ เนื่องจากทำงานด้วยความทุ่มเท ที่ผ่านมาทั้งในช่วงหาเสียงและงานในสภา ก็มีผลงานที่ชัดเจน ยืนยันว่า พร้อมสนับสนุนให้เอกนัฏ เป็นรัฐมนตรีในโควตาของรทสช.”
มาแรงแซงโค้ง "เทพไท เสนพงศ์" โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ค ผลสำรวจความคิดเห็นทางการเมือง ของนิด้าโพล ในประเด็นคำถาม หากมีการเปลี่ยนแปลงตัวในเดือนสิงส.ค.นี้ จะเลือกบุคคลใดในพรรคร่วมรัฐบาลเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ผลปรากฏว่า "อุ๊งอิ๊ง" น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ได้ 31.95% นายอนุทิน ชาญวีรกูล มาเป็นลำดับ 2ได้ 30.99% พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ได้ 11.82% นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ได้ 8.31% นายชัยเกษม นิติสิริ ได้ 2.23% และไม่ตอบคำถามอีก 14.70%
ผลการสำรวจของนิด้าโพล ในครั้งที่ผ่านมา พบว่า "อนุทิน" ได้รับความนิยมเพียง 2.05% แต่ในขณะนี้ เงื่อนไขทางการเมืองเปลี่ยนไป บทบาทของนายอนุทิน โดดเด่น ถูกจับตา ปรากฏชื่อเป็นนายกฯ สำรอง บนหน้าสื่ออย่างต่อเนื่อง จึงทำให้คะแนนนิยมกระโดดสูงขึ้น สูสีกับคะแนน "อุ๊ง อิ๊ง" แพทองธาร แสดงให้เห็นว่าประชาชน ยอมรับบทบาทของนายอนุทิน ที่จะมาเป็นนายกฯคนต่อไปมากขึ้น
" แม้นายอนุทินจะปฏิเสธ ก็ถือว่าเป็นมารยาททางการเมือง เพราะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน ต้องแสดงออกแบบรักษามารยาทในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล ถ้าจะแสดงออกแบบกระสัน หรือกระเหี้ยนกระหือรือ ต้องการจะเป็นนายกฯ เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม และเป็นธรรมดาของสังคมไทย ที่ใครแสดงออกอยากเป็น ก็จะไม่ได้เป็น และในขณะเดียวกันใครที่ไม่อยากจะเป็น ส่วนใหญ่จะได้เป็น"
เทพไท ระบุว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญยังไม่เกิดขึ้น ถ้าหากหลังวันที่ 14 ส.ค. มีอุบัติเหตุทางการเมืองขึ้นมา ก็จะเห็นบทบาทที่แท้จริงของครูใหญ่บุรีรัมย์ ผู้อยู่เบื้องหลังพรรคภูมิใจไทย จะเติมเกมเคลื่อนไหวให้ อนุทินได้เป็นนายกรัฐมนตรีแน่นอน
สิงห์ดำคนใหม่ ในวันที่ 6 สค.มท.หนู "อนุทิน"รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย (มท.1 )เตรียมเสนอ ครม.อนุมัติแต่งตั้ง "อรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์" อธิบดีกรมการปกครองไปดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทยแทน "สุทธิพงษ์ จุลเจริญ" ปลัดกระทรวงมหาดไทยที่จะเกษียณราชการในวันที่ 30 ก.ย.นี้
โดยว่าที่ปลัดมท.คนใหม่ เป็นศิษย์เก่า รัฐศาสตร์จุฬาฯ สิงห์ดำรุ่น 42 จะเกษียณราชการในปี 2574
อ่านข่าว:
"ก้าวไกล" แพ้ "บ้านใหญ่" ราบ ชิงนายก อบจ.ส่อเค้า "วืด" ยาว