วันนี้ (7 ม.ค.2568) สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า สหรัฐอเมริกากำลังเผชิญอากาศหนาวจัด ลมแรงและหิมะตกหนัก เป็นผลมาจากอิทธิพลของพายุฤดูหนาวที่เคลื่อนตัวเหนือบริเวณรัฐทางตอนกลางและตะวันออกของประเทศ โดยในกรุงวอชิงตัน ดีซี มีรายงานว่าบางพื้นที่มีหิมะตกสะสมสูงถึง 45 เซนติเมตร นอกจากนี้ยังมีอีกหลายพื้นที่ของประเทศที่ถูกหิมะปกคลุมจนกลายเป็นสีขาวโพลน
ขณะนี้มีอย่างน้อย 7 รัฐที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อรับมือกับหิมะตกหนัก ได้แก่ รัฐอาร์คันซอ, รัฐแคนซัส, รัฐเคนทักกี, รัฐมิสซูรี, รัฐเวอร์จิเนีย, รัฐเวสต์ เวอร์จิเนีย และรัฐนิว เจอร์ซีย์ โดยหลายรัฐประกาศหยุดการเรียนการสอนชั่วคราว และมีรายงานพบผู้เสียชีวิตจากพายุฤดูหนาวแล้วอย่างน้อย 6 คน
สำนักอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติ ออกคำเตือนพายุฤดูหนาวสำหรับรัฐแคนซัสและมิสซูรี ซึ่งพายุหิมะทำให้มีลมกระโชกแรงถึง 45 ไมล์ต่อชั่วโมง (72 กม./ชม.) คำเตือนดังกล่าวขยายไปถึงรัฐนิวเจอร์ซีย์ จนถึงเช้าวันอังคารตามเวลาท้องถิ่น โดยในรัฐมิสซูรี เกิดอุบัติเหตุรถชนกันไม่ต่ำกว่า 350 ครั้งและมีผู้ขับขี่ติดอยู่บนถนนมากกว่า 1,000 คน ขณะที่พายุฤดูหนาวพัดผ่าน
อ่านข่าว : อ่วม! พายุหิมะพัดถล่มสหรัฐฯ-ยุโรป อุณหภูมิเย็นยะเยือก
มีรายงานว่า เที่ยวบินมากกว่า 2,200 เที่ยวยกเลิกให้บริการและอีกประมาณ 23,000 เที่ยวบินประสบเหตุล่าช้า ซึ่งที่สนามบินโรนัลด์ เรแกน ในกรุงวอชิงตัน ดีซี ประกาศปิดรันเวย์ทั้งหมดชั่วคราวในช่วงเย็นวันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่นเพื่อกำจัดหิมะ นอกจากนี้ยังมีประชาชนมากกว่า 300,000 คนในพื้นที่ประสบภัยไม่มีไฟฟ้าใช้ โดยรัฐเวอร์จิเนียถือเป็นรัฐที่ประสบปัญหาหนักที่สุด
ตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมา (6 ม.ค.) พื้นที่ทางตะวันออก 2 ใน 3 ของสหรัฐฯ ต้องรับมือกับอากาศหนาวจัดและลมแรง โดยมีการคาดการณ์ว่าอุณหภูมิจะต่ำกว่าปกติ 7-14 องศาเซลเซียสในหลายพื้นที่ คาดว่าจะมีชาวอเมริกันได้รับผลกระทบมากกว่า 60 ล้านคน
สำนักงานด้านอุตุนิยมวิทยาของสหรัฐฯ ประเมินว่า ครั้งนี้อาจเป็นหิมะที่ตกหนักในรอบ 10 ปีของสหรัฐฯ อากาศหนาวเย็นอาจลงไปไกลถึงพื้นที่ทางใต้ในรัฐฟลอริดา
ข้อมูลจากสำนักงานอุตุนิยมวิทยา ระบุว่า เมือง Topeka รัฐแคนซัส มีรายงานหิมะตกหนัก 14.5 นิ้ว หรือประมาณ 37 เซนติเมตร เมื่อประมาณ 20.00 น.ของวันอาทิตย์ที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น
อ่านข่าว : Polar Vortex ไม่ถึงไทย แต่เตรียมตัวหนาวจริง 10-13 ม.ค.
ขณะที่สนามบินนานาชาติแคนซัส ซิตี มีหิมะตก 11 นิ้ว หรือประมาณ 28 เซนติเมตรในวันเดียวกัน ซึ่งทำลายสถิติเดิมในช่วงเวลาดังกล่าวที่มีหิมะตก 10.1 นิ้ว หรือประมาณ 26 เซนติเมตร เมื่อปี 1962 ตามข้อมูลจากสำนักงานอุตุนิยมวิทยาในเมืองแคนซัสซิตี้ รัฐมิสซูรี
ส่วนในรัฐเคนตักกี เมืองหลุยส์วิลล์ มีหิมะตก 7.7 นิ้ว หรือประมาณ 20 เซนติเมตร ในวันอาทิตย์เช่นกัน ซึ่งทำลายสถิติเดิมของวันที่เคยมีหิมะตก 3 นิ้ว หรือเกือบ 8 เซนติเมตร ในปี 1910 ตามที่มีการบันทึกไว้
อย่างไรก็ตาม มีคำเตือนจากศูนย์พยากรณ์สภาพอากาศของสหรัฐฯ (WPC) ว่า ภูมิภาคมิด-แอตแลนติก จะมีหิมะตกเพิ่มอีก 6-12 นิ้ว หรือประมาณ 15-30 เซนติเมตร ในวันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่นและคาดว่าจะทำให้มีสภาพอากาศหนาวจัดตามมา โดยอุณหภูมิต่ำสุดในเวลากลางคืนจะลดลงเหลือเพียงตัวเลขหลักเดียวตลอดกลางสัปดาห์ ในบริเวณที่ราบภาคกลางและหุบเขามิสซิสซิปปีและโอไฮโอ
สภาพอากาศสุดขั้วนี้ ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าอาจเกิดจากปรากฏการณ์กระแสลมวนขั้วโลก (Polar Vortex) เนื่องจากกระแสลมกรดอ่อนกำลังและเกิดเป็นคลื่นส่งผลให้มวลอากาศหนาวจากขั้วโลกแผ่ลงมาปกคลุมสหรัฐฯ และพัดผ่านไปพื้นที่ทางด้านตะวันออก รวมถึงพื้นที่ในภูมิภาคยุโรปก็ได้รับผลกระทบจากพายุหิมะตกหนักด้วยเช่นกัน
นักอุตุนิยมวิทยา อธิบายว่า ตามปกติกระแสลมหนาวจะหมุนวนอยู่เหนือขั้วโลกเหนือ แต่บางครั้งจะพัดลงไปทางใต้เข้าสู่สหรัฐอเมริกา ยุโรปและเอเชีย ซึ่งมีผลการศึกษาวิจัยชี้ว่าภูมิภาคอาร์กติกที่อุ่นขึ้นอย่างรวดเร็ว เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้กระแสลมขั้วโลกขยายวงกว้างและมีความถี่เพิ่มขึ้น โดยสภาพอากาศในเขตอาร์กติกที่ร้อนขึ้น ทำให้อากาศเย็นเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วกว่าปกติ โดยเฉพาะเขตอาร์กติกที่ร้อนขึ้นมากกว่าส่วนอื่น ๆ ของโลกถึง 4 เท่า จึงเกิดภาพพายุหิมะรุนแรง
อ่านข่าว