"ซิงซิง" เหยื่อแคสงานค้ามนุษย์ สู่ปมโซเชียล"เมืองไทยน่ากลัว"

กรณี "ซิงซิง" นักแสดงชาวจีนหายตัวที่ชายแดนไทย-เมียนมา หลังถูกหลอกไปทำงานโดยอ้างค่ายบันเทิงไทยชื่อดัง "GMM GRAMMY" ตามกล่าวอ้างของผู้ประสานงานที่เป็นชาวจีนผ่านทางแอป We Chat  จนได้รับการช่วยเหลือกลับไทยแล้ว

วันนี้ (8 ม.ค.2567) ผู้สื่อข่าวรายงานว่ากรณีที่ เจียเจีย แฟนของซิงซิง เปิดเผยข้อมูลระหว่างตามหาซิงซิง โดยระบุว่าเมื่อวันที่ 24 ธ.ค.2567 ซิงซิงได้รับคำเชิญให้เข้ากลุ่มแชตประสานงาน ชื่อกลุ่ม "นักแสดงซูหนาน" และแชตพูดคุยกับแอคเคาท์ ที่ใช้ชื่อว่า "GMM Grammy สิบหก"

อ่านข่าว ตร.นำตัว "ซิงซิง" นักแสดงชาวจีน ถึงกรุงเทพฯ สอบขยายผลต่อทันที

พร้อมระบุว่า พบนักแสดงจำนวนหนึ่ง ที่มีประสบการณ์คล้ายกัน ได้รับเชิญให้ไปแคสบทละคร จากผู้ประสานงานคนเดียวกัน หลักฐานแชตที่เจียเจียเผยแพร่ เป็นการคุยกับกลุ่มคน ที่ตั้งชื่อกลุ่มแชตว่า "หนีตายกรุงเทพ" ข้อความหนึ่งในกลุ่มนี้ ระบุว่า พวกเราไม่ได้ตามเขาไป เพราะรู้สึก พวกนั้นแปลกๆ

ล่าสุด "GMM GRAMMY" ออกแถลงการณ์โพสต์ลงแพลตฟอร์ม Weibo เนื้อหายืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง อีกทั้งการแคสนักแสดงนั้น บริษัทมีขั้นตอนที่โปร่งใส ไม่มีการติดต่อนักแสดงผ่านช่องทางส่วนตัว ตามกล่าวอ้างของผู้ประสานงานที่เป็นชาวจีน ผ่านทางแอป We Chat

บริษัทขอย้ำว่ากระบวนการคัดเลือกศิลปิน และนักแสดงของมีความโปร่งใส และปฏิบัติตามขั้นตอนที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด เราจะไม่ติดต่อบุคคลใดๆ ผ่านช่องทางส่วนตัว และจะไม่ขอให้ผู้สมัครรายใดจ่ายค่าธรรมเนียมใดๆ

บริษัทขอแนะนำให้ประชาชนไม่เชื่อในข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง และตรวจสอบข้อมูลผ่านช่องทางการสื่อสารอย่างเป็นทางการของบริษัทเท่านั้น"

อ่านข่าว "ซิงซิง" ถึงไทยแล้ว จเรตำรวจเตรียมนำตัวเข้ากรุงเทพคืนนี้

"ซิงซิง" นักแสดงชาวจีนหายตัวที่ชายแดนไทย-เมียนมา หลังถูกหลอกไปทำงานอ้างค่ายบันเทิงไทยชื่อดัง "GMM GRAMMY" ได้รับการช่วยเหลือกลับไทย

ผลกระทบกท่องเที่ยวไทย "เมืองไทยน่ากลัว"

แม้ซิงซิงปลอดภัย และบริษัทที่ถูกแอบอ้างออกมาแสดงความชัดเจน แต่เรื่องนี้กระทบกับภาพลักษณ์ของไทย ที่ถูกโซเชียล​มีเดียโหมกระแสว่า "เมืองไทยน่ากลัว" และเคส "ซิงซิง" ยังนำไปสู่ข้อเสนอและแนวทางให้รัฐบาลจริงจังกับการปราบปราม "กลุ่มสีเทา" ตามแนวชายแดนไทย 

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี รัฐบาลต้องดำเนินการในเรื่องนี้ ไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวของประเทศไทย เพราะมีข่าวลือที่ถูกเอาไปพูดถึงในโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ว่าประเทศไทยมีความน่ากลัวในเรื่องต่าง ๆ โดยมอบหมายให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม MDESดำเนินการในเรื่องของการปล่อยข่าวลือที่ไม่จริง และสถานการณ์อื่น ๆ ที่ไม่เป็นความจริง

ส่วนกรณีปัญหาจีนเทาต้อง จนกระทบต่อภาพลักษณ์ประเทศไทย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทางรัฐบาลได้ติดต่อกับทูตของทูตจีนแล้ว ซึ่งไทยและจีน มีการคุยกันถึงเรื่องนี้อย่างเข้มข้น 

ส่วนกรณีที่ฝ่ายค้านเสนอทบทวนนโยบาย "ฟรีวีซาจีน" โดยให้มีการจัดโซนนิง นายกรัฐมนตรี จะดำเนินการอย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะต้องรอพูดคุยกันระหว่าง 2 ประเทศว่าจะมีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน เพราะนโยบายฟรีวีซารัฐบาลได้สนับสนุนมาโดยตลอด อยู่ที่การจัดลำดับสำคัญและการตกลงระหว่างประเทศ อะไรที่เป็นข้อเสนอที่ดีก็ต้องรับฟัง

อ่านข่าว ไทม์ไลน์ "ซิงซิง" จากสนามบินสุวรรณภูมิ ถึงชายแดน "ไทย - เมียนมา

"โรม" จี้แพทองธาร ปราบกลุ่มสีเทาชายแดนไทย

นายรังสิมันต์ โรม หลังหยิบกรณีของ "ซิงซิง" มาสะท้อนถึงผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของไทย พร้อมระบุว่า ก่อนหน้านี้มีเหตุในลักษณะเดียวกันเกิดขึ้น กับทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ ไม่ว่าจะถูกพาตัวข้ามไปทำงาน การตกเป็นเหยื่อค้ามนุษย์ หรือถูกขบวนการคอลเซนเตอร์ลวงไป 

โดยในวันที่ 9 ม.ค.นี้ กรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐฯ ของสภาฯ จะหารือกัน เพื่อนำเสนอแนวทางการป้องกันและปราบปรามต่อรัฐบาล เพราะเชื่อว่าตามแนวชายแดนไทย เต็มไปด้วยกลุ่มสีเทา

กรณีของซิงซิง จะเป็นส่วนหนึ่งในประเด็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี ในเดือนก.พ.หรือต้นเดือนมี.ค.นี้ เพื่อชี้ให้เห็นถึงความล้มเหลวของรัฐบาล ซึ่งอยู่ระหว่างการรวบรวมปัญหาและข้อมูลต่างๆ เพื่อกำหนดไว้ในญัตติ

ข้อมูลจากเครือข่ายภาคประชาสังคมช่วยเหลือเหยื่อค้ามนุษย์ รวบรวมตั้งแต่วันที่ 25 ต.ค.2567 ถึงวันที่ 7 ม.ค.2568 มีผู้ขอความช่วยเหลือจากการถูกหลอกไปประเทศเมียนมา ทั้งหมด 370 คน จาก 21 สัญชาติ คาดการณ์ว่าจำนวนคนทั้งหมดอาจมากถึง 6,000 คน มากที่สุดคือคนจีน 3,900 คน แต่มีความเป็นไปได้ ที่อาจจะมีเหยื่อขบวนการนี้นับแสนคน