เมื่อวันที่ 23 ก.พ.2568 เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) นางมารศรี ใจรังษี ได้ออกมาอธิบายถึงสิทธิประโยชน์ของประกันสังคม เพื่อตอบโต้ประเด็นที่มีการเปรียบเทียบกับสิทธิบัตรทอง โดยยืนยันว่าสิทธิประกันสังคมนั้นไม่ได้ด้อยกว่าสิทธิอื่น ๆ และมีสิทธิประโยชน์ที่ครอบคลุมหลากหลายด้าน
ปัจจุบันมีผู้ประกันตนในระบบกว่า 24.73 ล้านคน ทั้งผู้ประกันตนมาตรา 33, 39 และ 40 โดยเงินสมทบจะมาจากการเก็บเงินจากผู้ประกันตน นายจ้าง และรัฐบาล สิทธิประโยชน์ของประกันสังคมนั้นมี 7 กรณี ได้แก่ เจ็บป่วย, ทุพพลภาพ, เสียชีวิต, คลอดบุตร, สงเคราะห์บุตร, ชราภาพ และว่างงาน ซึ่งสิทธิประโยชน์ด้านการรักษานั้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของสิทธิประโยชน์ทั้งหมด
ที่ผ่านมา กระทรวงแรงงาน คณะกรรมการการแพทย์ และสำนักงานประกันสังคม ได้ให้ความสำคัญกับการให้สิทธิประโยชน์ด้านการรักษาที่มีคุณภาพ ครอบคลุมทุกโรค และได้พัฒนาสิทธิด้านการรักษาอย่างต่อเนื่อง เช่น
- ด้านทันตกรรม
คุ้มครองบริการถอนฟัน ผ่าฟันคุด อุดฟัน ขูดหินปูน โดยเบิกได้ในอัตรา 900 บาท/คน/ปี สามารถเข้ารับบริการในสถานพยาบาลหรือคลินิกทันตกรรมที่ MOU ได้ทุกแห่ง ทั้งรัฐและเอกชน มากกว่า 20,196 แห่ง โดยผู้ประกันตนไม่ต้องสำรองจ่าย รวมทั้งจัดบริการรถทันตกรรมเคลื่อนที่ให้บริการ ณ สถานประกอบการ
นอกจากนี้ สามารถเบิกฟันเทียมไม่จำกัดวัสดุได้สูงสุดไม่เกิน 4,400 บาท/ปี กรณีบริการรักษาโรคทางช่องปาก ครอบคลุมอยู่ในเหมาจ่ายของสถานพยาบาลที่กำหนดสิทธิ รวมทั้งอยู่ระหว่างการปรับเพิ่มสิทธิเพื่อให้ผู้ประกันตนเข้าถึงสิทธิในการดูแลช่องปากและฟันอย่างมีคุณภาพมากขึ้น
- ยกระดับการรักษา 5 โรคสำคัญ
โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง นิ่วในไตและถุงน้ำดี มะเร็งเต้านม และก้อนเนื้อที่มดลูกและหรือรังไข่ เพื่อให้ผู้ประกันตนได้รับการผ่าตัดรักษาภายใน 15 วัน
- เพิ่มทางเลือกในการรักษามะเร็ง
นอกเหนือจากสถานพยาบาลตามสิทธิ สามารถเลือกรักษากับสถานพยาบาลที่มีศักยภาพและเชี่ยวชาญในการรักษาโรคมะเร็งตามที่สำนักงานกำหนดเพิ่มเติมได้ โดยครอบคลุมรักษาโรคมะเร็งได้ทุกชนิด
- การปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิด (ปลูกถ่ายไขกระดูก)
คุ้มครอง 8 โรค โดยไม่จำกัดจำนวนผู้ป่วยในการรับบริการ กรณีปลูกถ่ายโดยใช้เนื้อเยื่อตนเองหรือพี่น้องหรือเนื้อเยื่อผู้บริจาคที่บริจาคผ่านสภากาชาดไทย ในอัตรา 750,000 - 1,300,000 บาท/ราย
- การสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค
เน้นการป้องกันดีกว่าการรักษา โดยผู้ประกันตนนอกจากตรวจสุขภาพพื้นฐานสำหรับคนไทยทุกสิทธิของ สปสช. 24 รายการ ได้แล้ว กองทุนประกันสังคมยังเพิ่มเติมสิทธิการตรวจสุขภาพให้กับผู้ประกันตนเพิ่มเติมจากสิทธิพื้นฐาน ทั้งเพิ่มความถี่ ช่วงอายุ และรายการในการตรวจสุขภาพที่จำเป็นเพิ่มขึ้น เช่น การตรวจมะเร็งเต้านม ตรวจการทำงานของไต คัดกรองการได้ยิน การเอ็กซเรย์ทรวงอก เป็นต้น
เลขาธิการสำนักงานประกันสังคมกล่าวต่อไปว่า การรักษาพยาบาลเป็นเพียงหนึ่งในสิทธิประโยชน์ของกองทุนประกันสังคมเท่านั้น การรักษาพยาบาลไม่ว่าจะเป็นสิทธิใด คุณภาพในการรักษาพยาบาลรวมถึงยาในการรักษาจะต้องเป็นไปตามมาตรฐานและมีความเท่าเทียมกัน
ในด้านการให้บริการ สิทธิประกันสังคมยังกำหนดให้ผู้ประกันตนสามารถเลือกสถานพยาบาลที่ประสงค์จะเข้ารับการรักษาได้ด้วยตนเอง โดยเปิดโอกาสให้ผู้ประกันตนสามารถเปลี่ยนสถานพยาบาลได้ในช่วงเดือน ม.ค.-มี.ค. ของทุกปี หากระหว่างปีผู้ประกันตนมีการย้ายที่อยู่หรือย้ายสถานที่ทำงาน ก็จะสามารถแจ้งขอเปลี่ยนแปลงสถานพยาบาลได้โดยไม่จำกัดจำนวนครั้ง
ทั้งนี้ ขอให้ผู้ประกันตนมั่นใจว่ากระทรวงแรงงาน คณะกรรมการการแพทย์ และสำนักงานประกันสังคมมุ่งเน้นพัฒนาสิทธิประโยชน์ทางการแพทย์เพื่อดูแลคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้ประกันตน
อ่านข่าวอื่น :
"ครอบครัวแหว่งกลาง" จากบ้านหาโอกาส แต่ลูกขาดความอบอุ่น
"เพื่อลูก ๆ สตรีศรีฯ" ผอ.พีซทำได้! สวมชุดนักเรียนร้องเพลงสุดปัง