ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

รถบัสพลิกคว่ำเขาโทน ตายเพิ่มเป็น 19 คน - เคลื่อนร่างกลับบึงกาฬ

อาชญากรรม
26 ก.พ. 68
17:48
5,386
Logo Thai PBS
รถบัสพลิกคว่ำเขาโทน ตายเพิ่มเป็น 19 คน - เคลื่อนร่างกลับบึงกาฬ
อ่านให้ฟัง
10:10อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
เหตุรถบัสดูงานของคณะเทศบาลตำบลพรเจริญ ตกข้างทางบริเวณเขาศาลปู่โทน อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี มีผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 19 คน ขณะที่ญาติได้มายืนยันตัวตนที่โรงพยาบาลนาดี ก่อนที่จะนำร่างกลับภูมิลำเนา จ.บึงกาฬ

วันนี้ (26 ก.พ.2568) เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลนาดี จ.ปราจีนบุรี พิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถโดยสารไม่ประจำทาง ของคณะศึกษาดูงานพลิกคว่ำ แล้วเสร็จ มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 19 คน แบ่งเป็นเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 17 คน และเสียชีวิตที่โรงพยาบาล 2 คน

เจ้าหน้าที่ให้ญาติผู้เสียชีวิตยืนยันตัวตน จากนั้นรถกู้ภัยของมูลนิธิสัจจพุทธธรรมแห่งประเทศไทย อ.กบินทร์บุรี จำนวน 20 คัน เดินทางไปส่งร่างผู้เสียชีวิต ที่ จ.นครราชสีมา เพื่อรอรถกู้ภัยจาก จ.บึงกาฬ มารับร่างผู้เสียชีวิตไปประกอบพิธีทางศาสนาที่ภูมิลำเนา

สำหรับจุดเกิดเหตุบริเวณทางลงเขาโทน หลักกิโลเมตรที่ 210 ถนนสาย 304 มักเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง โดยเฉพาะช่วงขาลงมาจากพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา เมื่อถึงบริเวณจุดสกัดผางาม จะเป็นทางลงเขาและคดโค้ง หากรถมีสภาพไม่สมบูรณ์หรือคนขับไม่คุ้นชินเส้นทาง มีความเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุได้

เจ้าของรถบัสคันที่เกิดเหตุ เล่าว่า นั่งอยู่หลังคนขับ ขณะรถกำลังลงเขา คนขับกำลังเปลี่ยนจากเกียร์ แต่กลับเหยียบเบรกและเข้าเกียร์ไม่ได้ แล้วรถก็ไปชนกับแบริเออร์

ส่วนผู้บาดเจ็บมีทั้งหมด 32 คน รักษาที่โรงพยาบาลนาดี 23 คน โรงพยาบาลกบินทร์บุรี 9 คน เบื้องต้นประสานทีมช่วยเหลือเยียวยาจิตใจผู้ประสบภาวะวิกฤต MCATT จากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดปราจีนบุรี และ สสจ.บึงกาฬ ร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ มาพูดคุยกับญาติผู้ประสบเหตุโดยเร็วเพื่อคัดกรองด้านสุขภาพจิต และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบทางจิตใจ

โดยเฉพาะครอบครัวผู้เสียชีวิต และผู้อยู่ในเหตุการณ์ เพื่อส่งต่อข้อมูลให้กับโรงพยาบาลจิตเวชสระแก้ว

เตรียมรับ 19 ร่าง อุบัติเหตุรถบัสศึกษาดูงานพลิกคว่ำ

ชาวบ้านใน อ.พรเจริญ จ.บึงกาฬ ร่วมกับ เจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลพรเจริญ และฝ่ายปกครองเร่งกางเต็นท์ และจัดเตรียมโต๊ะ และเก้าอี้ ที่บริเวณลานหน้าเมรุเผาศพ วัดป่าวิเวกธรรมคุณ เพื่อเป็นจุดศูนย์รวมรับร่างผู้เสียชีวิตทั้ง 19 คน จากอุบัติเหตุรถบัสทัศนศึกษาดูงานพลิกคว่ำ เพื่อประกอบพิธีทางศาสนา โดยทางวัดจะทำพิธีสวดมาติกาบังสุกุลศพ ก่อนส่งมอบศพให้ญาติ ที่ส่วนใหญ่เป็นกรรมการธนาคารขยะ นำไปประกอบพิธี คาดว่าร่างผู้เสียชีวิตจะเดินทางมาถึงภายในคืนนี้

สำหรับอุบัติเหตุครั้งนี้ สืบเนื่องจากเทศบาลตำบลพรเจริญ ได้ทำโครงการพัฒนาศักยภาพและการศึกษาดูงานคณะกรรมการธนาคารขยะหมู่บ้าน ทางคณะศึกษาดูงานฯ ออกเดินทางช่วงเย็นวานนี้ด้วยรถบัส 2 ชั้น กำหนดการศึกษาดูงานคือ 26-28 ก.พ. ด้วยความตั้งใจจะนำความรู้การจัดการขยะจากเทศบาลตำบลปากน้ำประแส อ.แกลง จ.ระยอง มาพัฒนาพื้นที่แก้ปัญหาขยะ แต่มาเกิดอุบัติเหตุเสียก่อน

ขณะที่ทาง จ.บึงกาฬเตรียมตรวจสอบการจัดทำโครงการศึกษาดูงานครั้งนี้ว่ามีความเหมาะสม และมีมาตรการเรื่องความปลอดภัย หรือการว่าจ้างผู้ประกอบการ ได้ใช้รถบัสที่มีการตรวจสภาพถูกต้องตามระเบียบหรือไม่ เนื่องจากเป็นอุบัติเหตุครั้งใหญ่ ที่ทำให้มีผู้เสียหายจำนวนมาก

คมนาคมตรวจสอบถนน 304 เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุหรือไม่

นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ เพื่อดูประเด็นการสอบสวน การดูแลผู้บาดเจ็บ ส่วนในระยะยาว จะให้ความสำคัญกับการออกแบบถนนสาย 304 เพราะที่ผ่านมามีอุบัติเหตุบ่อยครั้ง ต้องดูมาตรการความปลอดภัยว่าจะดำเนินการอย่างอย่างไร

รองปลัดกระทรวงคมนาคม ยืนยันว่า จากการตรวจสอบพบว่า รถโดยสารคันเกิดเหตุมีประกันทั้งภาคบังคับ และภาคสมัครใจ ซึ่งจะทำให้การเยียวยาผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ได้เพิ่มจากมาตรการทั่วไป

ตร.พฐ.-ขนส่งทางบก เร่งตรวจสภาพซากรถบัส

เจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองพิสูจน์หลักฐาน ลงพื้นที่ตรวจสอบสภาพซากรถ เพื่อนำไปสู่การประกอบสำนวนคดี โดยใช้เวลาตรวจสอบและเก็บหลักฐานต่างๆ ทั้งในรถและนอกรถคันเกิดเหตุนานกว่า 4 ชั่วโมง

นายชีพ น้อมเศียร รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก ลงพื้นที่ตรวจสอบสภาพโครงสร้างรถเช่นกัน โดยนายชีพ ระบุว่า ตามมาตรฐานแล้ว จะต้องดูว่ารถคันเกิดเหตุมีโครงสร้างและเป็นไปตามมาตรฐานที่กรมการขนส่งทางบกกำหนดไว้หรือไม่ รวมถึงต้องดูไปถึงลักษณะ พฤติกรรมคนขับรถด้วยว่า การขับรถระยะไกล จาก จ.บึงกาฬ ไป จ.ระยอง เคยขับเส้นทางไกลมากน้อยขนาดไหน รวมถึงการความชำนาญเส้นทางถนนสาย 304 ช่วงจุดเกิดเหตุ ที่มีลักษณะถนนลาดและโค้ง ประเด็นเหล่านี้ ต้องตรวจสอบให้ครบทุกมิติ

โดยการตรวจสอบสภาพรถ ทางเจ้าหน้าที่เน้นตรวจสอบทั้งมาตรฐานตัวรถ , ยางของล้อ , โครงสร้างรถ , ระบบเบรก , เข็มขัดนิรภัย , อายุรถ ใบขับขี่คนขับ การผ่านตรวจสภาพล่าสุดเมื่อใด รวมถึงประเด็นแวดล้อมทุกมิติที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำไปประกอบการพิจารณาหามาตรการป้องกันภาพรวมในวันหน้าสำหรับรถบัสประเภทเหมาคันไปทัศนศึกษา หรือ ดูงาน และหากพบประเด็นใด ไม่ได้มาตรการ ก็จะดำเนินคดีกับผู้ประกอบการ

ขณะที่ ตลอดครึ่งบ่ายวันนี้ มีกลุ่มญาติของผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ที่ทราบข่าว ทยอยเดินทางมาที่ สภ.แห่งนี้ เพื่อขอรับกระเป๋าสัมภาระของผู้ประสบเหตุ ซึ่งจะมีตำรวจคอยอำนวยความสะดวกและลงบันทึกข้อมูล โดยญาติได้สะท้อนว่า ติดตามข่าวผ่านทางสื่อแขนงต่างๆ ช่วงเช้า และเมื่อทราบว่า เกี่ยวข้องกับญาติตัวเอง ก็รีบเดินทางมาจากจังหวัดต่างๆ เพื่อมาที่ จ.ปราจีนบุรี ติดตามหาญาติที่ยังติดต่อกันไม่ได้ หรือ ติดตามสัมภาระที่ตำรวจนำมารวมไว้ที่ สภ.วังขอนแดง

ขณะที่วันนี้ ตำรวจยังนำตัวบุคคล ที่ตำรวจระบุว่า เป็นเจ้าของรถบัสคันเกิดเหตุ มาให้การที่ สภ.วังขอนแดงด้วยเพื่อสอบปากคำเชิงลึกเกี่ยวกับสภาพรถและรายละเอียดต่างๆ

มหาดไทยยืนยันไม่ยกเลิกดูงานในพื้นที่ระยะไกล

ขณะที่การช่วยเหลือเยียวยา ผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บ นายอนุทิน​ ชาญวีรกูล​ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย​ กล่าวว่า การให้ความช่วยเหลือเป็นไปตามระบบ โดยผู้เสียชีวิตรายละ 500,000 บาท

ส่วนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจำเป็นจะต้องทบทวนการดูงานในพื้นที่ระยะไกลหรือไม่ เห็นว่าเป็นเรื่องปลายเหตุ สิ่งที่ต้องตรวจสอบคือสภาพรถหรือพฤติกรรมคนขับ ที่เป็นสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งต้องรอผลการสอบสวนก่อน และเห็นว่าเรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องถึงขั้นยกเลิกการดูงาน

"นิกร" ระบุรถโดยสารไม่ประจำทางมีความปลอดภัยต่ำ

นายนิกร จำนง ที่ปรึกษาคณะกรรมการพิจารณาศึกษาแนวทางป้องกัน และลดอุบัติเหตุทางถนนของรัฐสภา แถลงแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ความสูญเสียที่เกิดขึ้น โดยคณะกรรมการให้ความสำคัญกับกรณีดังกล่าว เนื่องจากเป็นการเกิดอุบัติเหตุของรถโดยสารไม่ประจำทาง หมวด 30 และกล่าวว่า ก่อนหน้านี้เคยเกิดเหตุการณ์ลักษณะเดียวกัน คือ เหตุไฟไหม้รถบัสนักเรียนจาก จ.อุทัยธานี

โดยระบุว่ารถโดยสารหมวด 30 มีความปลอดภัยต่ำมาก เนื่องจากไม่ใช่รถที่วิ่งประจำทาง ทำให้การตรวจสอบด้านความปลอดภัยเป็นไปได้ยาก รวมถึงการควบคุมความเร็วของรถกลุ่มนี้ ก็ติดตามได้ยากกว่า

นอกจากนี้ การขับขี่ ความเร็ว และการเดินทางในพื้นที่เสี่ยงภัย อย่างเช่นในถนนสาย 304 เป็นเส้นทางที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง โดยในปี 2567 ที่จากการตรวจสอบเบื้องต้นเกิดอุบัติเหตุใหญ่ เกือบ 10 เคส นอกจากนี้ ยังมีถนนเสี่ยงอีกหลายเส้นทาง แต่ปัจจุบันมาตรการความปลอดภัยต่าง ๆ ยังอยู่ในระดับขอความร่วมมือเท่านั้น ไม่มีสภาพบังคับที่ชัดเจน

อ่านข่าว : 

มท.เยียวยาผู้เสียชีวิตรถบัสคว่ำเขาศาลปู่โทน คนละ 5 แสนบาท

ไขปม "เขาโทน" อุบัติเหตุหมู่ 12 โค้งมรณะสาย 304

คนขับรถบัสอ้างเข้าเกียร์ 2 ไม่ได้ ทำเสียหลักพลิกคว่ำเขาโทน 18 ศพ

รถทัวร์ดูงานพลิกคว่ำที่ "เขาโทน" จ.ปราจีนบุรี เสียชีวิต 17 คน เจ็บกว่า 30 คน 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง