แม้ทั่วโลกจะพยายามรณรงค์ใน กรณีอุยกูร์ แต่สถานการณ์ดูจะไม่ได้ดีขึ้นเลย ชาวอุยกูร์ในต่างประเทศหลายคนระบุว่า พวกเขาต้องใช้ชีวิตด้วยความหวาดกลัว โดยเฉพาะเมื่อรัฐบาลของประเทศที่พวกเขาอาศัยอยู่ได้ยกระดับความสัมพันธ์กับรัฐบาลจีน
- อเมริกา-อังกฤษประณามไทยส่ง 40 อุยกูร์กลับจีน
- "ภูมิธรรม" เผย เคยขอชาติตะวันตก รับตัว"อุยกูร์" ลี้ภัย แต่ถูกเมิน

ข้อมูลจากมูลนิธิสิทธิมนุษยชนในสหรัฐฯ ชี้ว่า อียิปต์และตุรกีเป็นหนึ่งในประเทศที่ในระยะหลังนี้ให้ความร่วมมือกับรัฐบาลจีนในการควบคุมชาวอุยกูร์ในประเทศของตัวเองเพิ่มมากขึ้น รวมถึงการจับกุมตัวและกดดันให้เดินทางกลับจีน หลังจากรัฐบาล 2 ประเทศ ยกระดับความสัมพันธ์กับจีนผ่านโครงการลงทุนระบบโครงสร้างพื้นฐาน

ขณะที่การส่งตัวชาวอุยกูร์กลับจีนของรัฐบาลไทยสร้างความกังวลในหมู่นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชนทั่วโลก รวมถึงเอเลน เพียร์สัน ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียของ Human Rights Watch ซึ่งมองว่าการดำเนินการของไทยละเมิดทั้งกฎหมายในไทยและกฎหมายระหว่างประเทศ

นับตั้งแต่ปี 2017 มาตรการแข็งกร้าวของทางการจีนในเขตปกครองตนเองซินเจียง-อุยกูร์ ส่งผลให้มีชาวอุยกูร์และกลุ่มชาติพันธุ์อื่นกว่า 1 ล้านคน ถูกควบคุมตัวที่ศูนย์กักตัวหลายแห่ง โดยทีมวิจัยจากสถาบันนโยบายยุทธศาสตร์ออสเตรเลียวิเคราะห์ข้อมูลและจัดทำแผนที่ศูนย์ควบคุมตัวต้องสงสัยกว่า 385 แห่ง ในซินเจียง ที่ถูกสร้างหรือขยายพื้นที่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

นอกจากนี้ ทีมวิจัยยังพบด้วยว่า มีมัสยิดรวมทั้งสถานที่ทางศาสนาและวัฒนธรรมในซินเจียงถูกทำลายหรือรื้อถอนไปแล้วหลายร้อยแห่ง หลังการประท้วงของชาวอุยกูร์และเหตุไม่สงบที่ปะทุขึ้นในปี 2009 ซึ่งตามมาด้วยเหตุรุนแรงหลายครั้ง โดยเฉพาะในช่วงปี 2013 ถึงปี 2015 จนนำมาสู่การปราบปรามของทางการจีน
สำรวจชะตากรรมชาวอุยกูร์ในกำมือจีน
ในปี 2022 ข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติระบุว่า การปฏิบัติต่อกลุ่มชาติพันธุ์ในซินเจียงของรัฐบาลจีนอาจเข้าข่ายก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ ขณะที่รัฐบาลสหรัฐฯ ระบุว่า การกระทำดังกล่าวถือเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์หลังมีรายงานว่า มาตรการของจีนมีทั้งการควบคุมตัว การสอดแนม การถูกบังคับใช้แรงงาน การถูกกลืนทางศาสนาและวัฒนธรรม รวมถึงการบังคับทำหมัน

ด้าน Human Rights Watch ระบุว่า มาตรการที่จีนใช้ยังรวมไปถึงการจำกัดการเดินทางอย่างเข้มงวดและการควบคุมชาวอุยกูร์ที่ต้องการเดินทางไปต่างประเทศ ซึ่งไม่ต่างจากการปฏิเสธสิทธิของคนกลุ่มนี้ในการเดินทางออกนอกประเทศ นอกเหนือจากนโยบายเลือกปฏิบัติในการออกหนังสือเดินทางให้กับชาวอุยกูร์ก่อนหน้านี้

ชาวอุยกูร์มีประชากรประมาณ 12 ล้านคนทั่วโลก แต่ในจำนวนนี้มากกว่า 500,000 คนอาศัย อยู่ในอย่างน้อย 38 ประเทศนอกจีน โดยโครงการสิทธิมนุษยชนอุยกูร์ในสหรัฐฯ แบ่งตัวเลขดังกล่าวออกเป็นรายภูมิภาค ซึ่งจะเห็นว่า เอเชียใต้และเอเชียกลางกินส่วนแบ่งชาวอุยกูร์โพ้นทะเลเกือบทั้งหมด ตามมาด้วยตะวันออกกลาง 70,000 คน ยุโรปประมาณ 15,000 คน กระจายอยู่ใน 18 ประเทศ เช่น อังกฤษ สวีเดน ฟินแลนด์ ฝรั่งเศส เบลเยียมและเยอรมนี

เมื่อแยกดูรายประเทศนับเฉพาะที่มีเกิน 10,000 คน จะเห็นว่า ชาวอุยกูร์โพ้นทะเลส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านของจีนที่มีความใกล้เคียงกันในเชิงวัฒนธรรม ทั้งในคาซัคสถานที่มีอยู่ประมาณ 300,000 คน ซึ่งมากที่สุด ตามมาด้วยคีร์กีซสถาน อุซเบกิสถาน ตุรกี ไปจนถึงซาอุดีอาระเบีย สหรัฐฯ และทาจิกิสถานในเอเชียกลาง
นักวิจัยที่เผยแพร่บทความเกี่ยวกับชาวอุยกูร์บนเว็บไซต์ของ Freedom House ซึ่งเป็นองค์กรสนับสนุนประชาธิปไตยและเสรีภาพทางการเมืองในสหรัฐฯ แบ่งการอพยพของชาวอุยกูร์ออกเป็น 3 ระลอก เริ่มตั้งแต่ช่วงปลายศตวรรษที่ 19

ขณะที่ระลอก 2 เริ่มต้นขึ้นในปี 1949 ซึ่งเป็นปีที่เหมา เจ๋อตง ประกาศก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน ต่อเนื่องมาจนถึงช่วงปฏิวัติวัฒนธรรมในปลายทศวรรษที่ 1960 ส่วนระลอกล่าสุด เริ่มต้นขึ้นในช่วงทศวรรษที่ 1990 ต่อเนื่องไปจนถึงปลายปี 2016 ก่อนที่ทางการจีนจะเริ่มยึดหนังสือเดินทางชาวอุยกูร์

การกระชับความสัมพันธ์ของจีนกับหลายประเทศในเอเชียกลางผ่านความร่วมมือทางเศรษฐกิจ กำลังสร้างความกังวลว่า ความร่วมมือดังกล่าวจะกลายเป็นช่องทางให้จีนสามารถยื่นมือเข้าไปกดดันข้ามพรมแดนในบ้านหลังใหญ่ของชาวอุยกูร์โพ้นทะเลได้หรือไม่ ซึ่งในกรณีของไทย องค์การระหว่างประเทศหลายองค์การทยอยออกมาแสดงความกังวลถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเช่นกัน
อ่านข่าว : OHCHR กังวลปมไทยส่ง 40 อุยกูร์กลับจีน ห่วงความปลอดภัย
"ภูมิธรรม" เผย เคยขอชาติตะวันตก รับตัว"อุยกูร์" ลี้ภัย แต่ถูกเมิน
กมธ.พัฒนาการเมือง ออกแถลงการณ์ กรณีส่ง "อุยกูร์" กลับจีน