ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

เร่งป้องปราม และ แก้ปัญหา ทุจริตสอบเปรียญธรรมในภูมิภาค

ภูมิภาค
4 มี.ค. 68
14:41
0
Logo Thai PBS
เร่งป้องปราม และ แก้ปัญหา ทุจริตสอบเปรียญธรรมในภูมิภาค
ผอ.วิทยาลัยสงฆ์เชียงใหม่ชี้ ความอยากมีอยากเป็นใน "ยศ ตำแหน่ง" และ "ลาภสักการะ" ทำให้พระสงฆ์บางส่วนตั้งใจทุจริตสอบเปรียญธรรมทั้งสนามสอบส่วนกลาง และ ส่วนภูมิภาค

การทุจริตสอบเกิดขึ้นในทุกวงการไม่เว้นแม้ในวงการสงฆ์ เมื่อเจ้าอาวาส และ เจ้าคณะตำบลในจังหวัดเชียงใหม่ว่าจ้างพระรูปอื่นมาสอบเปรียญธรรม 5 ประโยค ซึ่งมีความผิด ตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ และ กฎมหาเถรสมาคม จนเจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่สั่งปลดจากตำแหน่ง

พระครูปริยัติเจติยานุรักษ์,ผศ.ดร. ผู้อำนวยการวิทยาลัยสงฆ์เชียงใหม่ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตเชียงใหม่ ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นการทุจริตสอบเปรียญธรรม 5 ประโยค ที่กำลังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในวงการสงฆ์เชียงใหม่โดยระบุว่าการศึกษาของคณะสงฆ์ไทยมีอยู่ 2 แบบ คือ คันถธุระ และ วิปัสสนาธุระ โดยคันถธุระเป็นการเรียนการสอนพุทธพจน์ หรือ ภาษาของพระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นที่มาของการเรียนการสอนภาษาบาลี และ การสอบบาลีสนามหลวง หรือ การสอบเปรียญธรรม 1 - 9 ประโยค โดยการสอบเปรียญธรรม 1 - 4 จะสอบในส่วนภูมิภาค ส่วน 5 ประโยคจะไปสอบที่ส่วนกลางเพื่อความบริสุทธิ์ยุติธรรม แต่ก็ยังมีความพยายามในการทุจริตการสอบ

พระครูปริยัติเจติยานุรักษ์,ผศ.ดร. ผู้อำนวยการวิทยาลัยสงฆ์เชียงใหม่ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตเชียงใหม่

พระครูปริยัติเจติยานุรักษ์,ผศ.ดร. ผู้อำนวยการวิทยาลัยสงฆ์เชียงใหม่ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตเชียงใหม่

พระครูปริยัติเจติยานุรักษ์,ผศ.ดร. ผู้อำนวยการวิทยาลัยสงฆ์เชียงใหม่ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตเชียงใหม่

ต่อคำถามว่าการสอบเปรียญธรรม 5 ประโยคมีความสำคัญมากน้อยแค่ไหน พระครูปริยัติเจติยานุรักษ์ ระบุว่า คำสอนสำคัญของพระพุทธศาสนา เป็นภาษาบาลีส่วนใหญ่ พระสายปกครอง ครูบาอาจารย์ จึงจำเป็นจะต้องรู้ภาษาบาลี และ ผู้ที่สอบเปรียญธรรมได้ตั้งแต่ประโยค 3 ขึ้นไป จะถูกเรียกว่าพระมหา หรือ สามเณรเปรียญ โดยเมื่อมีการให้ยศ ให้ตำแหน่งต่างๆ คณะสงฆ์ก็จะพิจารณาจากระดับการศึกษาภาษาบาลี ทำให้พระที่มีความอยากจะมี อยากจะเป็น จึงต้องการเป็นมหาเปรียญ เพื่อให้เป็นที่เชิดหน้าชูตาของพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ และ ลูกศิษย์ลูกหา

บางครั้ง การพิจารณาคุณงานความดีของคณะสงฆ์ ผู้ที่มีเปรียญธรรม ก็จะได้รับพิจารณาเป็นพิเศษ พระทั่วไปถึงอยากจะได้เป็นมหาเปรียญ ความอยากที่จะเรียน อยากศึกษา ถือเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าจะให้ได้มาโดยวิธีการทุจริต ทางคณะสงฆ์ก็ไม่เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง

นอกจากความอยากได้เปรียญธรรม เพื่อให้เป็นที่เชิดชู เพิ่มโอกาสในยศ และ ตำแหน่งแล้ว เมื่อมองในมุมกลับของชาวบ้านแล้ว เวลาที่นิมนต์พระไปประกอบกิจ ใดๆ ก็จะมีระดับความต่างที่ชัดเจนในการปฏิบัติต่อ พระธรรมดา กับ พระมหาเปรียญ เพราะหากเป็นพระมหาเปรียญก็จะเป็นที่เชิดหน้าชูตาแก่เจ้าภาพ สิ่งเหล่านี้ก็ถือเป็นเรื่องลาภสักการะ ซึ่งนับเป็นผลพลอยได้จากการมีตำแหน่งทางการศึกษา

สำหรับความพยายามของพระสงฆ์บางส่วนที่ต้องการสอบผ่านเปรียญธรรมโดยที่ไม่ได้เรียน พระครูปริยัติเจติยานุรักษ์ ยอมรับว่ามีอยู่จริง แต่คณะสงฆ์ก็มีวิธีการในการบริหารจัดการ โดยที่จังหวัดเชียงใหม่มีสนามสอบเปรียญธรรม 1 - 4 ประโยค อยู่ที่วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร และ วัดท่าตอนพระอารามหลวง รวม 3 สนามสอบ ซึ่งจะเห็นวิธีการจัดการของคณะสงฆ์ เช่นที่ วัดพระธาตุศรีจอมทอง จะใช้ห้องประชุมใหญ่เป็นที่จัดสอบ มีการจัดที่นั่งแบ่งเป็นช่วงชั้น ผู้เข้าสอบทุกคนจะไม่มีการนำเอกสาร หรือ เครื่องมือสื่อสารเข้าไปในห้องสอบ ทำให้ดูแลได้ง่ายขึ้น

ขณะที่การจัดสอบในห้องเล็กๆ บางครั้งผู้ที่เจตนาจะทุจริตก็พยายามที่จะทำหลายๆอย่าง เช่น นำหนังสือไปแอบไว้ในห้องน้ำ มีคนมาส่งโพยให้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ยอมรับว่ามีอยู่จริง แต่คณะกรรมการก็ดูแลอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะพระมหาเถระพยายามให้กำลังใจพระภิกษุสามเณร ให้ตระหนักในความสุจริตยุติธรรมในการสอบอยู่ตลอดเวลา ในวันสอบ ก็จะมีเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกระดับชั้นไปรวมกัน และ มีคณะกรรมการกลาง คณะกรรมการประจำสถานที่สอบช่วยกันดูแลป้องกัน กรณีที่มีการจับได้ คณะกรรมการก็จะให้ออกจากห้องสอบ และ ทำหนังสือถึงเจ้าอาวาส

พระครูปริยัติเจติยานุรักษ์ ยังให้ความเห็นในเรื่องการป้องปรามโดยระบุว่า การมีสถานะเป็นพระภิกษุเป็นพุทธศาสนิกชนควรต้องมีสติในเบื้องต้นว่า การที่เราจะไปสอบ เราต้องไม่อยากมี หรือ อยากจะเป็นจนเกินไป ให้เป็นไปตามกระบวนการที่เราศึกษาเล่าเรียนมา สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องของสามัญสำนึก คนที่เจตนาจะทุจริตแม้ว่าจะป้องปรามยังไง เขาก็ยังจะต้องทำ แต่หากพระภิกษุสามเณรระลึกนึกถึงถึงความสุจริตยุติธรรม เชื่อว่าจะเป็นการป้องปรามที่ยั่งยืนที่สุด

ถ้าสมมุติว่าเราไปให้คนอื่นทำให้ ได้ผลสอบมาด้วยความทุจริต เมื่อระลึกนึกถึง ก็ไม่มีความภาคภูมิใจ แล้วเราก็ไม่สามารถที่จะอ่านภาษาของพระพุทธองค์ได้ สิ่งนี้ก็ถือว่าเป็นที่น่าอายอยู่ เหตุการณ์ครั้งนี้ก็ถือว่าเป็นการสะท้อนให้เห็นว่าเราจะต้องเอาใจใส่ให้มากขึ้นในเรื่องการสอบสนามหลวงของภาษาบาลี


รายงาน : พยุงศักดิ์ ศรีวิชัย ผู้สื่อข่าวอาวุโสไทยพีบีเอส ศูนย์ข่าวภาคเหนือ

แท็กที่เกี่ยวข้อง:

-
ข่าวที่เกี่ยวข้อง