พายุใหม่ 2 ลูกจ่อเข้าไทย
ผู้อำนวยการสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตรเตือนว่า ขณะนี้กำลังมีหย่อมความกดอากาศต่ำที่กำลังจะก่อตัวขึ้นเป็นพายุอีก 2 ลูก ใกล้ประเทศฟิลิปปินส์ และคาดว่าจะส่งผลให้ประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 10-13 ต.ค.นี้ มีฝนตกเพิ่มขึ้นอีก ขณะที่ปริมาณน้ำในเขื่อนเกือบทุกแห่งเต็มความจุแล้ว และยังต้องเร่งระบายอย่างต่อเนื่อง
เขื่อนภูมิพล จังหวัดตาก ยังคงระบายน้ำที่ 100 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน แม้จะมีน้ำไหลเข้าอ่างน้อยลง โดยการระบายน้ำได้ส่งผลให้ปริมาณน้ำท้ายเขื่อนในแม่น้ำปิงและแม่น้ำเจ้าพระยายังคงเพิ่มขึ้น กรมชลประทานจึงเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ริม 2 ฝั่งแม่น้ำปิงในเขตจังหวัดตาก จังหวัดกำแพงเพชร และจังหวัดนครสวรรค์ เฝ้าระวังและเสริมคันกั้นน้ำเพิ่มขึ้นอีก โดยน้ำปริมาณมากที่ไหลจากเขื่อนภูมิพลจะมาถึงจังหวัดนครสวรรค์ในวันพรุ่งนี้ (8 ต.ค.) ก่อนที่จะไหลต่อเนื่องไปยังชัยนาทในวันอที่ 9 ต.ค. และเข้าสู่พื้นที่กรุงเทพมหานครในวันที่ 11 ต.ค.ตามลำดับ
ส่วนเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ระบายน้ำเพิ่มขึ้นกว่าปกติ เพราะขณะนี้น้ำในอ่างเก็บน้ำสูงกว่าระดับเก็บกักสูงสุดแล้ว ประชาชนที่อยู่ท้ายเขื่อนจึงควรเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด ซึ่งการผันน้ำต่อเนื่องนี้คาดการณ์ว่า ระดับน้ำที่สูงขึ้นในลุ่มน้ำภาคกลางจะส่งผลกระทบต่อกรุงเทพมหานคร ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่า น้ำอาจล้นพนังกั้นน้ำในพื้นที่บางจุด โดยพื้นที่ที่จะได้รับผลกระทบก่อนกรุงเทพมหานคร คือพื้นที่ติดต่อใกล้เคียงอย่างจังหวัดปทุมธานี ซึ่งขณะนี้มีรายงานว่า ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้น จนล้นคันกั้นน้ำกว่า 10 แห่งในพื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ในเขตอำเภอเมืองและอำเภอสามโคกแล้ว และแนวคันกั้นพังหลายที่ อาทิ วัดหงส์ปทุมมาวาส วัดมะขาม วัดถั่วทอง และวัดโพธิ์เลื่อน คันกั้นน้ำริมด้านข้างวัดฯ แตกยาวกว่า 3 เมตร ทำให้น้ำทะลักข้ามแนวถนนเลียบแม่น้ำเจ้าพระยา เจ้าหน้าที่ต้องเร่งน้ำกระสอบทรายมาอุดรอยรั่วอย่างเร่งด่วน เนื่องจากต้องเร่งป้องน้ำไม่ให้เข้าท่วมพื้นที่บ้านเรือนประชาชนกว่า 1,000 หลังคาเรือนใน 2 ตำบล คือ ตำบลบ้านกระแชงและตำบลบ้านกลาง
ส่วนชาวบ้านต่างพากันเร่งเก็บข้าวของไว้ที่สูงอย่างเร่งด่วน ขณะที่โรงเรียนวัดสองพี่น้อง ตำบลบ้านงิ้ว อำเภอสามโคก น้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาทะลักเข้าท่วมหมดทั้งโรงเรียนแล้ว หลังเจ้าหน้าที่พยายามนำกระสอบทรายไปกั้นแนวคันที่พังเป็นครั้งที่ 3 แต่ปริมาณน้ำเข้ามามาก ประกอบกับตอนนี้ทางจังหวัดเริ่มขาดแคลนทรายที่จะนำมากรอกกระสอบทรายแล้ว ซึ่งคาดว่าระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาจะเพิ่มขึ้นอีก ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องเฝ้าระวังและตรวจตราแนวคันแต่ละพื้นที่ตลอดเวลา
ที่จังหวัดสระบุรีก็กำลังได้รับผลกระทบอย่างหนักเช่นเดียวกัน โดยล่าสุด นายถาวร พรหมมีชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี ได้ประชุมหัวหน้าส่วนราชการเพื่อรับมือสถานการณ์น้ำท่วม พร้อมสั่งปิดสะพานแม่น้ำป่าสัก หรือสะพานอำนวยสงคราม ที่ตัดผ่านถนนพหลโยธินสายหลัก เนื่องจากน้ำในแม่น้ำป่าสักมีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนระดับน้ำถึงท้องสะพาน ขณะเดียวกันสะพานดังกล่าวมีผู้ใช้รถใช้ถนนจำนวนมาก หากยังให้ใช้ตามปกติ ก็อาจทำให้สะพานพัง และผู้สัญจรได้รับอันตราย โดยผู้ที่ต้องการเดินทางผ่านจังหวัดสระบุรี หรือต้องการเข้ามายังตัวเมือง สามารถสอบถามเส้นทางได้ที่สายด่วน 191 หรือที่ สภ.เมืองสระบุรี
นอกจากสถานการณ์น้ำที่ยังน่าเป็นห่วงอยู่ในขณะนี้ แบบจำลองของสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตรยังแสดงให้เห็นว่า ขณะนี้มีพายุกำลังจะพัดผ่านฟิลิปปินส์ในวันที่ 9 ต.ค.นี้ ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าอาจทวีกำลังแรงขึ้นอีกเป็นพายุไต้ฝุ่นในวันที่ 10 ต.ค. จากนั้นจะเคลื่อนตัวขึ้นฝั่งที่เกาะไหหลำ ประเทศจีนในวันที่ 11 ต.ค. ขณะเดียวกันก็มีพายุอีกลูกใกล้ประเทศฟิลิปปินส์ กำลังจะทวีกำลังแรงขึ้น และเคลื่อนตัวผ่านประเทศฟิลิปปินส์ตามมา ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่า อิทธิพลของพายุทั้ง 2 ลูกอาจส่งผลกระทบให้ประเทศไทยเกิดฝนตกหนักตั้งแต่วันที่ 10-13 ต.ค.นี้ แม้ว่าพายุจะไม่ได้พัดเข้ามาที่ประเทศไทยก็ตาม
สำหรับพื้นที่ที่มีการเตือนให้เฝ้าระวังเป็นพิเศษในช่วงนี้ คือ พื้นที่ภาคกลาง ภาคตะวันตก ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยพื้นที่ที่จะมีฝนตกหนักอาจส่งผลกระทบให้สถานการณ์น้ำเพิ่มสูงขึ้นได้