ย้อนไปเมื่อกว่า 5 เดือนก่อน ท่าทีลักษณะนี้อาจไม่เกิดขึ้น เมื่อ นพ.ณรงค์ ประกาศพร้อมเดินหน้าเรียกร้องความถูกต้อง และกอบกู้ศักดิ์ศรีของข้าราชการ หลังนายกรัฐมนตรีมีคำสั่งเมื่อวันที่ 11 มีนาคมที่ผ่านมา ให้ย้ายไปปฏิบัติราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี จากการถูกตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีไม่สนองนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดยเฉพาะข้อเสนอนำงบประมาณจากกองทุน สปสช.ให้เขตบริการสุขภาพเป็นผู้จัดสรร แต่สุดท้ายเมื่อผลการตรวจสอบไม่พบความผิดจึงเป็นอันยุติ
"ผมคิดว่าเป็นโอกาสที่จะทบทวนว่าเกิดอะไรขึ้น และผู้บริหารกระทรวงขณะนี้จะนำกระทรวงอย่างไร โดยที่ไม่ทำให้กระทรวงแตกแยกไปมากกว่านี้ นี่เป็นโจทย์ที่อยากเห็นที่จะทำงานร่วมกัน" นพ.ณรงค์ กล่าว
แม้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขซึ่งถูกมองเป็นคู่ขัดแย้ง ยืนยันว่าไม่มีปัญหาสามารถทำงานร่วมกับ นพ.ณรงค์ได้ แต่นั่นก็อาจแลกมาด้วยเงื่อนไข 3 ข้อที่ ศ.ยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรี ต้องการให้ นพ.ณรงค์ ปฏิบัติตามเพื่อยุติความขัดแย้งภายในกระทรวงสาธารณสุข
"หน้าที่ที่สำคัญของปลัดคือการทำตามนโยบายของรัฐมนตรี นั่นเป็นเงื่อนไขข้อที่หนึ่ง ข้อที่สองคือต้องดูแลนโยบายต่างๆที่จะไม่เข้าไปทำให้เกิดการโยกย้ายที่มีการไม่เห็นพ้องต้องกัน ข้อสามต้องดูเรื่อง สปสช.ที่ นพ.ณรงค์ ดูแลอยู่แล้ว ซึ่งจะต้องไม่ดำเนินการใดๆที่อยู่นอกระดับคณะกรรมการนั้นที่ทำให้มีความไม่ปรองดองเกิดขึ้นได้ ซึ่งผมมั่นใจว่าทุกฝ่ายจะเดินหน้าทำงานร่วมกันได้ด้วยดี" ศ.ยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรี ระบุ
นพ.ณรงค์ ยืนยันพร้อมขับเคลื่อนการทำงานตามแนวทางปฏิรูปประเทศของรัฐบาลและปฏิเสธการเจรจาตอบรับเงื่อนไขจากรองนายกรัฐมนตรี แต่การกลับมาครั้งนี้ก็ยังตอบไม่ได้เช่นกันว่าเวลาที่เหลืออยู่อีกเพียง 2 เดือนของนายแพทย์ณรงค์ก่อนเกษียนอายุราชการจะขับเคลื่อนงานให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในกระทรวงมากน้อยเพียงใด
อะไรคือเหตุผลที่ทำให้ นพ.ณรงค์ ได้กลับมา ยังถูกตีความได้หลากหลาย ที่แน่ๆจนถึงขณะนี้มีข้าราชการระดับสูงหลายตำแหน่งที่ถูกโยกย้ายจากคำสั่งของ คสช. แต่มีเพียงไม่กี่คนที่ได้กลับมาอยู่ในตำแหน่งเดิมเหมือน นพ.ณรงค์