กรมฝนหลวงฯ เตรียมทำฝนเทียมเพิ่มหลังน้ำในเขื่อนน้อย-เลื่อนทำฝนหลวงปี 59 เร็วขึ้น หวังบรรเทาภัยแล้ง

กรมฝนหลวงฯ เตรียมทำฝนเทียมเพิ่มช่วงปลายฤดูฝน หวังเพิ่มน้ำเข้าเขื่อนหลักทั่วประเทศ หลังพบปริมาณน้ำกักเก็บในเขื่อนอยู่ในเกณฑ์ต่ำกว่าทุกปีที่ผ่านมา แนะเกษตรกรงดทำนาปรังชะลอปลูกพืชใช้น้ำมาก ระบุเลื่อนเวลาทำฝนหลวงปี 59 เป็นเดือน ก.พ. จาก 1 มี.ค. ช่วยบรรเทาภัยแล้ง ขณะที่กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงเกษตรฯ สั่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่สำรวจเพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้งอย่างตรงจุด

วันนี้ (24 ก.ย. 2558) พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยกำชับให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอ สำรวจพื้นที่อย่างละเอียดว่าเกษตรกรในพื้นที่ใดทำนา ทำสวน และใช้น้ำเพื่อการเกษตรปริมาณเท่าไร เพื่อให้การแก้ไขปัญหาภัยแล้งเป็นไปอย่างตรงจุด

ด้าน พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ระบุว่า สั่งให้กรมชลประทานลงพื้นที่จังหวัดลุ่มน้ำเจ้าพระยาตั้งแต่วันนี้ (24 ก.ย. 2558) เพื่อทำความเข้าใจกับเกษตรกรต่อการปลูกข้าวนาปรัง ซึ่งขณะนี้ ยังไม่ได้มีการประกาศอย่างเป็นทางการให้งดการปลูกข้าว แต่ใช้คำว่าขอความร่วมมือไม่ให้ปลูกแทน โดยขอให้เกษตรกรปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อยหรือทำปศุสัตว์ในช่วงหน้าแล้ง

ด้าน นายวราวุธ ขันติยานันท์ อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร เผยถึงผลการนำเครื่องบินฝนหลวงขึ้นบินสำรวจสถานการณ์น้ำต้นทุน 4 เขื่อนหลัก ในลุ่มน้ำเจ้าพระยาว่า ทั้ง 4 เขื่อน มีปริมาณน้ำกักเก็บอยู่ในเกณฑ์ต่ำเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 57 ทั้งนี้ คาดว่าหลังสิ้นสุดฤดูฝนปี 2558 ปริมาณน้ำกักเก็บในเขื่อนโดยรวมทั้งประเทศจะต่ำกว่าทุกปีที่ผ่านมา จึงแนะนำให้เกษตรกรงดทำนาปรัง พร้อมชะลอการปลูกพืชใช้น้ำมาก

“ก่อนสิ้นฤดูฝนอีก 3-4 สัปดาห์ข้างหน้า ประเทศไทยยังมีร่องความกดอากาศพาดผ่าน ทำให้เกิดความชื้นสัมพัทธ์พอที่จะทำฝนหลวงได้ กรมฝนหลวงฯ จึงเร่งทำฝนหลวงเติมน้ำในเขื่อนทั่วประเทศให้ได้มากที่สุด ขณะเดียวกันมีแผนเลื่อนกำหนดการปฏิบัติการฝนหลวงประจำปีให้เร็วขึ้นจากเดิม จาก 1 มี.ค.2559 เป็นเดือน ก.พ. 2559 ซึ่งคาดว่าสภาพอากาศมีความชื้นเพียงพอที่ให้ทำฝนหลวงได้” อธิบดีกรมฝนหลวงฯ ระบุ