ผบ.ตร.ยืนยันมีหลักฐานมัดตัว
พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.เปิดเผยว่า แม้ตำรวจยังไม่มีข้อมูลทางเอกสารของนายอ๊อด เพราะไม่พบเลขบัตรประจำตัวประชาชน มีเพียงคำซัดทอดจากพยาน แต่เจ้าหน้าที่มั่นใจว่าจะติดตามได้ เนื่องจากก่อนหน้านี้นายอ๊อดเคยถูกควบคุมตัวในความผิดฐานฝ่าฝืนคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จึงคาดว่ามีหลักฐานหลงเหลือ แต่ยังไม่ชัดเจนว่าขณะนี้นายอ๊อดยังอยู่ในประเทศหรือไม่
พล.ต.อ.สมยศยืนยันว่า ตำรวจมีหลักฐานชัดเจนว่านายอ๊อดมีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้ต้องหาวางระเบิดแยกราชประสงค์อย่างไร
"เรามีหลักฐานชัดเจนจนกระทั่งนำไปสู่การขออนุมัติออกหมายจับนายอ๊อด แต่เรานำมาเผยแพร่ต่อสาธารณะไม่ได้" ผบ.ตร.ระบุ "เราไม่ตัดประเด็นการเมืองทิ้งเพราะในอดีตนายอ๊อดเคยตกเป็นผู้ต้องหาในคดีระเบิดที่มีนบุรีและสมานเมตตาแมนชั่น และถูกดำเนินคดีในช่วงนั้นเพราะเป็นผู้ที่มีความเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งทางการเมือง แต่การที่นายอ๊อดเข้ามาเกี่ยวข้องในคดีระเบิดที่ศาลพระพรหมนั้น เป็นเพราะเป็นเรื่องการเมืองหรือเขามาเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้เป็นการส่วนตัว"
ตำรวจแถลงเมื่อวานนี้ว่า นายอ๊อดเป็นผู้มีประวัติอาชญากรรม และเคยตกเป็นผู้ต้องหาในคดีระเบิดที่มีนบุรีและที่สมานเมตตาแมนชั่นเมื่อปี 2553 ซึ่งเหตุระเบิดทั้ง 2 ครั้งนั้นเป็นประเด็นทางการเมือง ตำรวจจึงเชื่อว่าเหตุจูงใจวางระเบิดที่ราชประสงค์นั้นนอกจากเป็นเพราะการปราบปรามขบวนการค้ามนุษย์แล้วยังมีการเมืองอยู่เบื้องหลังด้วย โดยมีนายอ๊อดเป็นตัวละครที่เชื่อมโยง
ขณะที่วันนี้ (29 ก.ย.) พ.อ.วินธัย สุวารี ในฐานะโฆษก คสช. แถลงยุติการรายงานสถานการณ์ประจำวันของศูนย์ติดตามสถานการณ์ คสช.เนื่องจากขณะนี้สถานการณ์ได้เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว ส่วนการสอบสวนคดีของเจ้าหน้าที่ตำรวจก็มีความคืบหน้าจนถึงขึ้นเตรียมสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 17 คนได้แล้ว จึงได้ยุติการรายงานสถานการณ์ประจำวัน
ภายหลังเกิดเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์เมื่อวันที่ 17 ส.ค.2558 ศูนย์ติดตามสถานการณ์ของ คสช.ได้รายงานความคืบหน้าการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ครอบครัวผู้เสียชีวิต การรักษาความปลอดภัย และการสอบสวนของตำรวจเป็นประจำทุกวันในเวลา 12.00 น.ทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ โดยรายงาน 3 ภาษา คือ ไทย อังกฤษ และจีน เนื่องจากผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนหนึ่งเป็นนักท่องเที่ยวชาวจีน