วันนี้ (29 ก.ย.2558) นายสมคิดได้เดินทางไปมอบนโยบายให้แก่ผู้บริหารกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในช่วงท้ายได้ตอบคำถามผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับเรื่องการส่งออกของไทย ซึ่งนายสมคิดได้กล่าวถึงรายงานข่าวที่ระบุว่านายอาคมคาดการณ์ว่าการส่งออกของไทยจะติดลบติดต่อกัน 3 ปีว่า
่"สงสัยอาคมคงเครียด รถไฟขับไม่ไป...ตรงไหนที่บอกว่าส่งออกติดลบต่อเนื่อง 3 ปี ตรงไหน แล้วผมก็โทรศัพท์ถามเขา (อาคม) แล้ว ผมว่าเราจะต้องอย่าตื่นตระหนก เราต้องดูว่าปีที่แล้วทั้งปีก็ไม่ได้ติดลบหมด แต่ลบและบวกสลับกันไป คือ ลบ 6 เดือน บวก 5 เดือน และที่การส่งออกติดลบทั้งปีแค่ร้อยละ 0.43 เท่านั้น แต่ปีนี้การส่งออกติดลบต่อเนื่องจริง แต่เราต้องดูว่าประเทศอื่นๆ ที่เป็นประเทศผู้ส่งออกก็ติดลบเหมือนกัน ไทยเป็นประเทศที่มีการส่งออกมากที่สุดเป็นอันดับที่ 5 ของโลก และติดลบแค่ร้อยละ 5 ถ้าเรายืนอยู่ที่ติดลบร้อยละ 5 ได้ถือว่าเก่งมาก" นายสมคิดกล่าว
รองนายกฯ ให้ข้อมูลว่าสินค้าเกษตรของไทยส่งออกได้ปริมาณเพิ่มมากขึ้นแต่มีมูลค่าน้อย ลง ส่วนการส่งออกยานยนต์ก็กระเตื้องขึ้น ข้อมูลเหล่านี้ชี้ชัดว่ามีแนวโน้มที่เป็นสัญญาณดี และถ้าดูตัวเลขมหภาคจะพบว่าตลาดส่งออกในอียูและอเมริกากำลังจะฟื้นตัว
"ประเด็น สำคัญก็คือถึงแม้การส่งออกไทยจะตีกลับมาในแดนบวกได้ แต่โอกาสที่เราจะได้เห็นการส่งออกของไทยโตร้อยละ 15 หรือ 20 เหมือนสมัยก่อนมันไม่ใช่แล้ว แค่เป็นบวกได้ก็เก่งแล้ว เพราะสินค้าของเราเริ่มแข่งกับประเทศอื่นไม่ค่อยไหว นี่คือเหตุผลที่รัฐบาลชุดนี้ถึงพยายามแนะนำว่าต้องเดิน 2 เส้นทาง คือ ทางหนึ่งคือต้องหาทางโตจากภายในด้วยการสร้างเศรษฐกิจภายในประเทศให้แข็งแรง" นายสมคิดกล่าว "ที่บอกว่าการส่งออกของไทยจะติดลบ 3 ปีมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว เลิกฝันร้ายได้แล้ว ต้องมองโลกในแง่บวกว่าจะสู้กับมันบ้าง"
นายสมคิดยกตัวอย่างสัญญาณบวกของเศรษฐกิจไทยว่าตัวเลขด้านการท่องเที่ยวของไทยเติบโตแบบก้าวกระโดด โดยจำนวนนักท่องเที่ยวปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 24.8 ล้านคนและสร้างรายได้ให้ประเทศ 1.6 ล้านล้านบาท และปีนี้ (2558) คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวสูงถึง 30 ล้านคน และจะสร้างรายได้ 2.2 ล้านบาทหรือเติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 20 คิดเป็นสัดส่วนจีดีพีประมาณร้อยละ 14-15 ส่วนในอีก 3 ปีข้างหน้าคาดว่า การเติบโตเฉลี่ยของนักท่องเที่ยวจะอยู่ที่ร้อยละ 20 ต่อปี ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวในปี 2561 จะอยู่ที่ 50 ล้านคน นายสมคิดกล่าว
รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจกล่าวเพิ่มเติมว่าปัจจัยส่งเสริมให้เศรษฐกิจประเทศเติบโตมาจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากในช่วงที่ผ่านมา
ทั้งนี้ นายสมคิดได้กล่าวกับผู้บริหารกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีว่า จะต้องวางระบบการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างตรงจุดว่ากลุ่มใดที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ ควรใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีมาช่วยเพิ่มมูลค่าสินค้าร่วมกับภาคเอกชน เพราะจะทำให้มูลค่าด้านการส่งออกและการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยเติบโตเพิ่มขึ้น แต่ในช่วงที่ผ่านมา สินค้าไม่สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ เพราะภาคเอกชนละเลยพัฒนาด้านนวัตกรรม แม้ปัจจัยค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงในช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมาก็ไม่ได้ทำให้ตัวเลขการส่งออกดีขึ้น