วันนี้ (29 พ.ย.) นายณัฐวุฒิได้โพสต์ภาพในเฟซบุ๊ก "ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ" ซึ่งเป็นภาพของทหารและรถทหาร โดยนายณัฐวุฒิให้ข้อมูลว่าหลังจากที่ตนให้ข่าวไปว่าจะเดินทางไปอุทยานราชภักดิ์ ได้มีรถทหาร 4 คนมาประจำการบริเวณที่พักของตนตั้งแต่เวลาประมาณ 05.00 น.และปักหลักอยู่ตลอดทั้งวัน
"ผมยืนยันนะครับ จะเอายังไงกับผมก็เอา แต่...ผมจะไปอุทยานราชภักดิ์" นายณัฐวุฒิระบุ
ขณะที่พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าววันนี้ (29 พ.ย.) ว่าการเคลื่อนไหวของนปช.ในครั้งนี้สุ่มเสี่ยงที่จะถูกมองว่าเป็นความพยายามโยงให้เป็นเรื่องการเมืองหรือมีวัตถุประสงค์อื่นแอบแฝง เพราะมีหลายโครงการที่ใช้งบประมาณจำนวนมากแต่นายณัฐวุฒิกลับไม่สนใจที่จะตรวจสอบ
โฆษกคสช.ยังระบุว่า นายณัฐวุฒิควรสอบถามข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแทนที่จะดำเนินการเองในลักษณะนี้ พร้อมกับเตือนว่าหากมีการนำเสนอข้อมูลแบบไม่ครบถ้วน หรือ ตั้งข้อสังเกตที่ไปกระทบกับชื่อเสียงขององค์กร ผู้เสียหายอาจใช้ช่องทางตามกฎหมายดำเนินการ
ทางด้านนายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ระบุว่าการตรวจสอบล่าสุดยังไม่พบความผิดปกติ
"งบประมาณกลางตัวนี้ไม่เกี่ยวกับการหล่อองค์พระรูป งบประมาณที่ขอไปเป็นการก่อสร้างบริเวณโดยรอบ เช่น รั้ว กระเบื้องหินอ่อน พื้น เท่านั้นเอง ส่วนการตรวจสอบก็ไม่ได้ซับซ้อน สตง.ตรวจแบบตรงไปตรงมาว่าหลักฐานการเบิกจ่ายนั้นสะท้อนถึงการตอบสนองกับการขออนุมัติใช้งบกลางนี้หรือไม่" นายพิศิษฐ์ระบุ
ก่อนหน้านี้มีรายงานการตรวจพบการใช้งบกลางประจำปี 2558 ของกองทัพบกกว่า 63.57 ล้านบาทในโครงการอุทยานราชภักดิ์ โดยงบกลางส่วนนี้ถูกนำไปใช้ในการสร้างรั้ว ระเบียง และพื้นซึ่ง สตง.กำลังตรวจสอบคู่ขนานไปกับเงินบริจาค แต่ในส่วนของงบกลางจะพิจารณาว่ามีการใช้จ่ายตรงตามระเบียบและข้อกำหนดของการใช้งบกลางถูกต้องหรือไม่
นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานคณะกรรมป้องกันและปรามปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ระบุว่าเลขาธิการ ป.ป.ช.จะสรุปข้อมูลกรณีอุทยานราชภักดิ์เสนอต่อที่ประชุม ป.ป.ช.ในวันที่ 1 ธ.ค.ส่วนที่ สตง.ตรวจพบการใช้งบกลางของกองทัพบก โดยปกติหาก สตง.พบการทุจริต จะส่งเรื่องมายัง ป.ป.ช.เพื่อพิจารณา
ขณะที่คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงของกระทรวงกลาโหมที่มีพล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รองปลัดกระทรวงกลาโหมเป็นประธาน ได้ประชุมวางกรอบการทำงานแล้วเมื่อวันที่ 27 พ.ย.
พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหมระบุว่า คณะกรรมการสอบชุดนี้จะรวบรวมพยานหลักฐาน เอกสารและหลักฐานที่เกี่ยวข้องจากทุกส่วนราชการ พร้อมทั้งจะเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องภายในกระทรวงกลาโหม มาให้ข้อมูลโครงการในทุกขั้นตอน รวมถึงทุกประเด็นที่สังคมยังสงสัย เพื่อสร้างความกระจ่างโดยเร็ว จึงขอเวลาให้คณะกรรมการฯได้ทำงานอย่างรอบคอบ