ทูตสหภาพยุโรปพบ รมว.ต่างประเทศ ชมไทยแก้ปัญหา
เอกสารสรุปสาระสำคัญของการหารือที่เผยแพร่บนเฟซบุ๊กของคณะผู้แทนสหภาพยุโรปฯ EUROPEAN UNION DELEGATION TO THAILAND มีรายละเอียดดังนี้
"รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศได้อธิบายถึงสถานการณ์ภายในประเทศ โดยคณะเอกอัครราชทูตจากยุโรปได้รับทราบถึงความคืบหน้าในการปฏิบัติตามโรดแมปสู่ประชาธิปไตยและได้เน้นย้ำถึงความความสำคัญของการเลือกตั้งที่มีความเสรีและยุติธรรม คณะเอกอัครราชทูตได้ยกประเด็นในด้านความจำเป็นในการเปิดพื้นที่ให้บุคคลมีส่วนร่วมในการออกเสียงซึ่งเป็นไปภายใต้รัฐธรรมนูญของประชาชนชาวไทย และเน้นว่าการเปลี่ยนผ่านไปสู่ประชาธิปไตยนั้นจำเป็นที่จะต้องมีการฟื้นฟูเสรีภาพในการแสดงออกและการชุมนุม คณะเอกอัครราชทูตยังได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับหลักนิติธรรมที่อ่อนแอลง เช่นการกักขังโดยมิผ่านกระบวนการยุติธรรม การพิจารณาคดีของพลเรือนในศาลทหารและความรุนแรงของบทลงโทษ คณะเอกอัครราชทูตระลึกถึงบทบาทสำคัญของกระทรวงการต่างประเทศในการรับรองว่าประเทศไทยในฐานะสมาชิกสหประชาชาติและผู้ร่วมลงนามการประชุมพหุภาคีต่างๆจะปฏิบัติตามข้อตกลงระดับนานาชาติ รวมถึงหลักการไม่ส่งผู้ลี้ภัยกลับไปยังดินแดนหรือถิ่นที่ชีวิตและเสรีภาพของพวกเขาจะถูกคุกคาม ประชาชาติยุโรปมีความยินดีที่จะพูดคุยและแลกเปลี่ยนในประเด็นที่เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนซึ่งทั้งสองฝ่ายได้มีส่วนร่วม
"ยิ่งไปกว่านั้น สหภาพยุโรปมีความยินดีที่ได้รับข่าวสารที่ประเทศไทยมีความยึดมั่นในการจัดการปัญหาการทำประมง (ไอยูยู) และการใช้แรงงานอย่างผิดกฎหมาย อีกทั้งยังมีความยินดีต่อความคืบหน้าทางการแก้ไขกฎหมายเมื่อไม่นานมานี้ ขณะเดียวกันยังได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของปัญหาที่ต้องมีการดำเนินการเพิ่มเติม
"คณะเอกอัครราชทูตได้แสดงความชื่นชมต่อประเทศไทยในการริเริ่มกำหนดจัดการประชุมว่าด้วยการโยกย้ายถิ่นฐานแบบไม่ปกติในมหาสมุทรอินเดีย เมื่อกล่าวถึงบทบาทของประเทศไทยในฐานะผู้ประสานงานในประชาคมอาเซียนต่อสหภาพยุโรป ทางสหภาพยุโรปกล่าวว่าจะทำงานร่วมกับประเทศไทยในการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสหภาพยุโรปและประชาคมอาเซียน ตามข้อตกลงร่วมของการประชุมรัฐมนตรีอียู-อาเซียนในปี พ.ศ. 2557
"สหภาพยุโรปและประเทศสมาชิกจะคงยืนเคียงข้างประเทศไทยในฐานะมิตรและคู่ค้าที่ใกล้ชิด รวมทั้งจะให้ความช่วยเหลือในทุกๆด้านต่อประเทศไทยในหนทางสู่ประชาธิปไตย"
สหภาพยุโรปรายงานว่าด้วยว่าการพบปะหารือในบรรยากาศที่เป็นมิตรครั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายได้ย้ำถึงความสำคัญของสัมพันธไมตรีระหว่างสหภาพยุโรปและประเทศไทย สหภาพยุโรปเป็นคู่ค้ารายใหญ่เป็นลำดับที่สามของประเทศไทย อีกทั้งประเทศไทยยังเป็นจุดหมายปลายทางหลักของการท่องเที่ยว ซึ่งในปี พ.ศ. 2557 ได้มีนักท่องเที่ยวชาวยุโรปมาเยี่ยมเยียนถึง 4.2 ล้านคน