ทุกฝ่ายพร้อม
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมารจะเป็นองค์ประธานนำขบวนจักรยานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตลอดเส้นทางมหามงคล 29 กม. โดยมีพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภาและพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ โดยเสด็จในกิจกรรมครั้งนี้ด้วย ประชาชนรอรับเสด็จได้ใน 15 เส้นทางที่ขบวนจักรยานผ่าน
บริเวณลานพระราชวังดุสิตเป็นจุดเริ่มต้นจัดกิจกรรมปั่นจักรยานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และเป็นที่จัดแสดงโขนกลางแปลงพระราชทาน โดยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯสยามมกุฏราชกุมารจะเสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรการแสดงโขนหลังเสร็จสิ้นกิจกรรมปั่นจักยานเฉลิมพระเกียรติ
การปิดการจราจรจะเริ่มตั้งแต่เวลา 12.00 น. นาฬิกา ทั้งหมด 85 เส้นทาง รวมทั้งถนน 4 สายรอบพระลานพระราชวังดุสิต เริ่มจากสี่แยกไฟแดงโดยรอบลานพระราชวังดุสิต ถนนอู่ทองใน ถนนศรีอยุธยา ถนนราชดำเนินนอก ถนนราชสีมา และจะเปิดเส้นทางให้สัญจรตามปกติเมื่อขบวนจักรยานได้ผ่านไปแล้ว
ขบวนจักรยานจะเริ่มจากลานพระราชวังดุสิตเข้าสู่ถนนศรีอยุธยาไปจนถึงแยกมักกะสัน เลี้ยวขวาเข้าถนนราชปรารภ เลี้ยวขวาแยกราชประสงค์ เข้าสู่ถนนพระรามที่ 1 เข้าสู่ถนนพญาไทและเลี้ยวซ้ายเข้าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยซึ่งเป็นจุดประทับที่ 1
จากนั้นขบวนจักรายนจะผ่านแยกสามย่านเข้าสู่ถนนพระรามที่ 4 ผ่านแยกศาลาแดง เลี้ยวขวาเข้าถนนสีลม ถนนเจริญกรุงไปจนถึงวงเวียนโอเดียน เข้าถนนเยาวราชถึงแยกวัดตึก แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนจักรวรรดิ ข้ามสะพานพระปกเกล้า แล้วกลับรถรอบวงเวียนใหญ่ เข้าถนนประชาธิปก ผ่านแยกบ้านแขก เข้าถนนอรุณอมรินทร์ และจะเข้าสู่จุดประทับที่ 2 คือ พระราชวังเดิมจากนั้นข้ามสะพานพระราม 8 กลับเข้าถนนราชดำเนินนอก ขบวนกลับสู่ลานพระราชวังดุสิต
ผู้ที่จะร่วมกิจกรรมสามารถนำรถจักรยานขึ้นโดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอสและรถไฟใต้ดินได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย รวมทั้งรถประจำทางที่มีจัดไว้ให้ประจำจุดต่างๆ ส่วนผู้ที่ใช้ถนนสามารถใช้ทางพิเศษได้และมีการงดเก็บค่าธรรมเนียมรวม 11 ด่าน ตั้งแต่เวลา 09.00 น.ถึง 23.00 น. ได้แก่ ด่านยมราช หัวลำโพง สะพานสว่าง อุรุพงษ์ สุรวงศ์ ถนนจันทน์ สาทร พระรามสี่ 1 และ 2 เพลินจิต และด่านเพชรบุรี สอบถามเส้นทางหลีกเลี่ยงและข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กองบังคับการตำรวจจราจร สายด่วน 1197
ขณะที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติจัดกำลังตำรวจ 11,500 นาย ดูแลความปลอดภัยในพื้นที่กรุงเทพฯ สำหรับกิจกรรม "ปั่นเพื่อพ่อ" วันนี้ ระหว่างเส้นทางการปั่นจะมีกองอำนวยการที่ทำการส่วนหน้า แบ่งซอยย่อย 17 จุด ทำหน้าที่ดูแลความปลอดภัย ซึ่งมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเช่น พยาบาล ทหาร ตำรวจ ชุดอำนวยความสะดวกต่างๆ ในการควบคุมสถานการณ์
นอกจากนี้ยังมีกำลังรายทางซึ่งมีการทิ้งระยะห่างประมาณ 20 เมตรต่อคน โดยมีเจ้าหน้าที่ประจำจุดตลอดเส้นทางเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน ขณะเดียวกันยังมีกำลังเสริมจากนักเรียนนายร้อยทั้ง 4 เหล่า อีกกว่า 3,000 นาย เพื่อมาช่วยอำนวยความสะดวกและรักษาความปลอดภัยด้วย ซึ่งกำลังทุกหน่วยที่มีการวางมาตรการถวายความปลอดภัยอย่างรอบคอบ โดยจะเน้นดูแลความปลอดภัยเป็นพิเศษทุกจุด
ส่วนการเตรียมความพร้อมกิจกรรมปั่นเพื่อพ่อในภาคเหนือฝ่ายปกครองประชุมร่วมกับตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ สรุปความพร้อมการจัดกิจกรรมปั่นเพื่อพ่อ ซึ่งมีผู้ลงทะเบียนร่วมกิจกรรมกว่า 11,000 คน พร้อมจัดเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวก รวมทั้งทีมแพทย์เพื่อรองรับเหตุฉุกเฉิน
ขณะที่ผู้ร่วมกิจกรรมปั่นเพื่อพ่อ จ.พิษณุโลก นำรถจักรยานมาตรวจสภาพรถ ก่อนที่จะร่วมปั่นจักรยานพร้อมกันในวันนี้ โดยมี ด.ช.วรรธนะ คำอินทร์ หรือ "น้องทาม" เด็กชายผู้พิการไม่มีแขน 2 ข้างที่เคยร่วมกิจกรรมปั่นเพื่อแม่ เมื่อเดือนสิงหาคม นำรถจักรยานไปตรวจสภาพด้วยเช่นกัน
ส่วนนักศึกษาจากวิทยาลัยเทคนิคร้อยเอ็ด จ.ร้อยเอ็ด ให้บริการตรวจสภาพและซ่อมรถจักรยานฟรี เช่นเดียวกับหลายจังหวัดในภาคอีสาน ผู้ร่วมกิจกรรมปั่นเพื่อพ่อ นำรถจักรยานมาตรวจสภาพ ซ่อมแซม และเปลี่ยนยางใหม่
ส่วนความพร้อมกิจกรรมปั่นเพื่อพ่อในต่างประเทศใน 66 เมือง กลุ่มแรกจะจัดกิจกรรมก่อนประเทศไทย เช่น กรุงแคนเบอร์รา ประเทศออสเตรเลีย กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น กลุ่มที่ 2 จัดพร้อมเวลาในประเทศไทย เช่น ประเทศในภูมิภาคอาเซียน จีน และอินเดีย ส่วนกลุ่มที่ 3 จัดกิจกรรมหลังประเทศไทย เช่น ภูมิภาคตะวันออก กลาง ทวีปยุโรป และทวีปอเมริกา ทั้งนี้สถานเอกอัครราชทูตแต่ละแห่งได้เลือกสถานที่ที่มีความน่าสนใจ เช่น สถานเอกอัครราชทูตไทยและสถานกงสุลใหญ่ ณ นครชิคาโก จัดกิจกรรมที่วัดพุทธรังษี เมืองไมอามี มลรัฐฟลอริดา สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงสตอกโฮล์ม จัดกิจกรรมที่รัวลัมส์ฮัวส์พาร์คเกน ซึ่งเป็นสวนสาธารณะที่ดีที่สุดในกรุงสตอกโฮล์ม และสถานเอกอัคร ราชทูต ณ กรุงพนมเปญ จัดกิจกรรมที่จังหวัดเสียมราฐ จังหวัดที่ตั้งของนครวัด
สำหรับยอดผู้ลงทะเบียนปั่นจักรยานในกิจกรรมปั่นเพื่อพ่อทั้งหมดมีจำนวน 607,909 คน แยกเป็นในกรุงเทพฯ 99,999 คน ในประเทศ 498,105 คน ในต่างประเทศ 9,805 คน