อิสราเอลเตือนเฝ้าระวังเหตุวินาศกรรมสนามบินนานาชาติ

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติระบุว่า หน่วยข่าวของประเทศอิสราเอลเตือนให้เฝ้าระวังการก่อเหตุสนามบินนานาชาติ พร้อมระบุเป้าหมายการก่อเหตุของกลุ่มผู้ต้องหา เป็นบุคคลสำคัญระดับนักการทูตของอิสราเอล

นายอานิล วัดห์ วา เอกอัครราชทูตอินเดีย ประจำประเทศไทย พร้อมเจ้าหน้าที่ เข้าพบ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมีการหารือแลกเปลี่ยนข้อมูลประมาณ 20 นาที เกี่ยวกับเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นทั้ง 2 ประเทศ จากนั้นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้สั่งการให้กองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประสานความร่วมมือขอรายละเอียดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นของประเทศอินเดียทั้งหมด เพื่อนำมาใช้ประกอบข้อมูล หลังจากนั้น พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ได้เดินทางไปร่วมสอบปากคำนายมูฮัมหมัด ฮาซาอิ ผู้ต้องหาที่ถูกควบคุมตัวที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พร้อมเปิดเผยว่า ผู้ต้องหามีท่าทางผ่อนคลายขึ้น หลังตำรวจติดต่อผู้หญิงไทยที่เคยรู้จักนายมูฮัมหมัด ฮาซาอิ ที่พัทยา มาพบ และผู้ต้องหายอมรับประทานอาหาร จากที่ไม่ยอมทานอะไรตั้งแต่ถูกจับ นอกจากนี้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติยังเปิดเผยด้วยว่า เป้าหมายการก่อเหตุครั้งนี้น่าจะเป็นบุคคลสำคัญระดับนักการทูต

ส่วนการนำตัวนายซีดาการ์ด ซาเดค มะห์ซุส ที่ถูกทางการมาเลเซียควบคุมตัวไว้ได้แล้วนั้น ขณะนี้พนักงานสอบสวนได้ส่งสำนวนและหมายจับไปยังสำนักงานอัยการสูงสุดแล้ว แต่ไม่ใช้สนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน เนื่องจากไทยกับมาเลเซียไม่มีสนธิสัญญาร่วมกัน แต่อาจต้องใช้สัญญาต่างตอบแทน ซึ่งตามปกติแล้วทางการมาเลเซียสามารถควบคุมตัวผู้ต้องหาไว้ได้ 14 วัน และหากได้รับการประสานงานมา ไทยก็พร้อมไปรับตัวมาดำเนินคดีทันที

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติยังเปิดเผยอีกว่า ขณะนี้ได้สั่งให้เพิ่มความเข้มงวดในการเฝ้าระวังสนามบินนานาชาติหลายแห่งเพิ่มมากขึ้น ตามที่ประเทศอิสราเอลได้ประกาศเตือนว่า อาจจะมีการก่อเหตุวินาศกรรมในสนามบินนานาชาติอีก

สำหรับการประชุมติดตามความคืบหน้าเหตุระเบิด พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า วันนี้ (16 ก.พ.) เจ้าหน้าที่พบความเกี่ยวข้องบุคคลเพิ่มอีก 1 คน เป็นชายชาวต่างชาติแถบตะวันออกกลาง ซึ่งได้หลักฐานจากกล้องวงจรปิดและพยานบุคคล นอกจากนี้ยังพบเบาะแสที่พักของ 1 ในผู้ต้องหา คือ น.ส.โรฮานิ ไลลา ที่เช่าอยู่ย่านหัวหมาก