ตร.เตรียมขอหมายจับ
นายลูกแก้ว จันทร์อุปถัมภ์ และ นายจันทร์ กัวพู้ ถูกจับพร้อมของกลางปืนที่ใช้ก่อเหตุ ประกอบด้วย ปืนอาก้า หรือ เอเค 47 พร้อมกระสุน ปืนยาวคาไบน์ พร้อมกระสุนและปืนลูกซองยาวพร้อมกระสุน ทั้ง 2 คนถูกออกหมายจับในข้อหาร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต ,ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งซากสัตว์ป่าคุ้มครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต ,ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่ออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครอง,พาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต
จากการสอบปากคำผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ได้รับการว่าจ้างจากนายทุนค้าสัตว์ป่าในจังหวัดราชบุรี ให้เข้าไปยิงช้างป่าในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานเพื่อเอาอวัยวะ ประกอบด้วย งา งวง อวัยวะเพศ และ ปลายหางช้างมาจำหน่าย ได้ค่าจ้างรวม 90,000 บาท ผู้ต้องหาทั้งสองได้รับส่วนแบ่งคนละ 22,000 บาท นอกจากนี้ยังซัดทอดนายสมพร จอกาย ที่หลบหนีเป็นหัวหน้าทีม
หลักฐานที่ตำรวจใช้มัดตัวผู้ต้องหาคือ กระสุนปืนอาก้า หลังเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานตำรวจลงตรวจพื้นที่ผ่าชันสูตรได้หัวกระสุนจากซากช้าง และผลการตรวจพิสูจน์เปรียบเทียบกับกระสุนที่ยึดได้จากผู้ต้องหาพบว่าตรงกัน พนักงานสอบสวนในคดีเปิดเผยว่า นอกจากการติดตามตัวนายสมพร ที่ยังหลบหนี เจ้าหน้าที่ยังอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานออกหมายจับกลุ่มนายทุน และ เป็นผู้รับของกลางไป ซึ่งผู้ต้องหาซัดทอดแล้ว 1 คนคือ นายวิฑูรย์ เรืองวรเศรษฐ
สำหรับคดีนี้เมื่อวันที่ 3 มกราคม ชาวบ้านได้แจ้งเจ้าหน้าที่ว่าพบซากช้างถูกฆ่าและตัดอวัยวะ ในป่าละเมาะบ้านป่าเด็ง อำเภอแก่งกระจาน และห่างจากจุดนี้ไปอีกประมาณ 3 กิโลเมตร ใกล้อ่างเก็บน้ำกะหร่างสาม เจ้าหน้าที่พบลูกช้างอีกตัว ถูกฆ่า และ เผานั่งยาง จึงเริ่มต้นการสืบสวน และมีข้อมูลว่า เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานเกี่ยวข้องกับการเผาช้างเพื่ออำพรางหลักฐานจึงขออนุมัติหมายจับนายสุริยนต์ โพธิบัณฑิต ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน พร้อมลูกน้องอีก 4 คน คือ นายผล ถมยา นายจินดา พวงมาลัย นายมานะ นกแก้ว และนายสุรินทร์ ไม้แก้ว อยู่ระหว่างการสืบสวนดำเนินคดี