การจากไปของร็อคสตาร์ผู้ยิ่งใหญ่ "เดวิด โบวี"

โบวีเพิ่งจะฉลองวันเกิดวัย 69 ปีเต็มของเขาด้วการออกอัลบั้มใหม่ "Black Star" เมื่อวันศุกร์ที่ 8 ม.ค.ที่ผ่านมาซึ่งนับเป็นอัลบั้มที่ 25 บนเส้นทางดนตรีของศิลปินชาวอังกฤษผู้นี้ "Black Star" จึงกลายเป็นผลงานชิ้นสุดท้ายในชีวิตและเป็นงานเพลงที่ได้เสียงตอบรับที่ดีจากนักวิจารณ์

โบวีเกิดปี 1947 พ่อของเขาเป็นเจ้าของไนท์คลับ ส่วนแม่เป็นสาวเสิร์ฟ ชื่อเดิมของเขาคือ "เดวิด โจนส์" แต่เปลี่ยนมาใช้ชื่อ "เดวิด โบวี" ในปี 1966 เพื่อป้องกันความสับสนกับชื่อ เดวี โจนส์ แห่งวง Monkees เขามีรูม่านตาทั้งสองข้างไม่เท่ากัน ซึ่งเป็นผลมาจากเพื่อนที่โรงเรียนเคยมีเรื่องชกต่อยกันเพราะแย่งกันจีบสาว ทำให้ดวงตาข้างหนึ่งมีรูม่านตาเล็กกว่าจนดูเหมือนว่าเขามีดวงตาสองข้างเป็นคนละสีในบางครั้ง

โบวีแจ้งเกิดในวงการดนตรีตั้งแต่สองอัลบั้มแรกคือ David Bowie และ Space Oddity แต่โด่งดังไปทั่วโลกจากอัลบั้มที่ 5 The Rise and Fall of Ziggy Stardust and the Spiders From Mars เมื่อปี 1972 เขาเป็นคนแรกๆ ในวงการบันเทิงที่บุกเบิกภาพลักษณ์แบบไร้เพศหรือ androgynous ด้วยการแต่งตัวหวือหวาและย้อมผมสีแดง ผสมผสานระหว่างสไตล์ม็อดของอังกฤษ ศิลปะคาบุกิของญี่ปุ่นและความเป็นร็อคสตาร์ พร้อมกับประกาศตัวเองว่าเป็นเกย์ ซึ่งต่อมากลายเป็นแรงบันดาลใจสำคัญให้กับนักร้องชื่อดังมากมายที่ออกมาทำลายเส้นแบ่งของเพศสภาวะ เช่น มาดอนนา หรือ เลดี้ กากา รวมถึงส่งอิทธิพลต่อวงการแฟชั่นในยุคต่อมา อัลบั้มนี้ยังทำให้ชื่อของเขาเชื่อมโยงกับอวกาศโดยเฉพาะดาวอังคาร จากการที่เขาสร้างตัวตนเป็นมนุษย์ต่างดาวในชื่อ "Ziggy Stardust"

โบวีเป็นผู้บุกเบิกแนวทางดนตรีใหม่ๆ ส่งผลงานที่ประสบความสำเร็จไม่ใช่แค่ในอังกฤษบ้านเกิด แต่ยังรวมถึงการข้ามไปโด่งดังในสหรัฐอเมริกาด้วยซิงเกิลอันดับหนึ่ง "Fame" จากอัลบั้ม Young Americans เขากลายเป็นผู้บุกเบิกแนวทางดนตรีใหม่ๆ อย่างอัลบั้มสไตล์อาวองการ์ดในปี 1977 Station to Station และมีเพลงฮิตอีกมากมายที่ยังอยู่ในความทรงจำของนักฟังหลายรุ่น เช่น “Let’s Dance,” “Space Oddity,” “Heroes,” “Changes,” “Under Pressure,” “China Girl,” “Modern Love,” “Rebel, Rebel,” “All the Young Dudes,” “Panic in Detroit,” “Fashion,” “Life on Mars”

โบวีเป็นคนที่ทำให้ Glam Rock และ Hair Band หรือเพลงร็อคที่มีสไตล์การแต่งตัวจัดจ้านเป็นที่นิยมในช่วงปี 70 นิทรรศการรวบรวมเครื่องแต่งกายที่จัดขึ้นเมื่อปี 2013 ของเขาขายบัตรห้าหมื่นใบเกลี้ยงตั้งแต่งานยังไม่เริ่ม

นอกจากสวมบทบาทตัวตนใหม่ที่สร้างขึ้นมาในวงการเพลงจนกลายเป็นตำนานทั้ง "Ziggy Stardust," "Aladdin Sane" และ "Thin White Duke" แล้ว โบวียังโดดเด่นด้านการแสดงไม่น้อย หลังจากงานด้านดนตรีซาลงในช่วงแรก เขาหันมาเอาดีในวงการภาพยนตร์และมีผลงานสะท้อนภาพลักษณ์ที่ชัดเจนมากมาย เช่น การรับบทเป็นมนุษย์ต่างดาวที่ต้องการความช่วยเหลือใน The Man Who Fell to Earth ปี 1976 หรือบทเชลยศึกในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองในเรื่อง Merry Christmas Mr. Lawrence เขายังเคยเล่นละครบรอดเวย์เรื่อง The Elephant Man นานสามเดือนด้วย (แต่บทบาทที่หลายคนยังจำได้ก็คือบทราชากอบลินในเรื่อง Labyrinth ประกบ Jennifer Connelly ในวัยสาวน้อยแรกแย้มเมื่อปี 1986)

ปี 1983 เขากลับมาทำงานเพลงอีกครั้งกับอัลบั้ม Let's Dance และอาจหายไปบ้างในบ้างปี แต่มีผลงานอย่างสม่ำเสมอ เขาไม่เคยหยุดสำรวจมิติใหม่ๆ ของวงการเพลงแบบที่อายุไม่เป็นอุปสรรคขวางกั้น เช่น การออกเพลง “Telling Lies” เฉพาะบนอินเทอร์เน็ตในปี 1996 แม้ว่าจะยังไม่ค่อยมีใครรู้จักอินเทอร์เน็ตไร้สาย จนกระทั่งช่วงปี 2000 เขาแทบไม่มีสตูดิโออัลบั้มออกมาอีก แต่จู่ๆ ก็ส่งอัลบั้ม The Next Day ออกมาในปี 2013 แบบไร้การโปรโมตล่วงหน้า สร้างความประหลาดใจให้แฟนๆ จนส่งให้อัลบั้มขึ้นอันดับหนึ่งในรอบ 20 ปี

หลังทราบข่าวการเสียชีวิตของโบวี ซึ่งประกาศต่อสาธารณะโดยบุตรชายของเขา แฟนเพลงคนทั่วโลกต่างไว้อาลัยให้กับการจากไปของเขา ตั้งแต่นายเดวิด คาเมรอน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ คนในวงการภาพยนตร์ ไปจนถึงศิลปินดังเกือบทุกแนวดนตรีทั่วโลก ต่างพากันกล่าวถึงคุณูปการที่เดวิด โบวี สร้างเอาไว้ โดยเฉพาะความกล้าในการลองทำสิ่งใหม่ๆ ท้าทายกรอบเดิมในทุกมิติ ตลอดจนสอนให้รู้ว่าความแปลกประหลาดว่าไม่ใช่สิ่งที่น่ารังเกียจ แต่มีคุณค่าอยู่ในตัวตนของคนทุกคน

มิวสิควิดีโอเพลง Lazarus ซึ่งเป็นหนึ่งในอัลบั้ม Black Star ผลงานชิ้นสุดท้ายของเดวิด โบวี

วรมน ศิรินพกุล ผู้สื่อข่าวไทยบันเทิง ไทยพีบีเอส แปลและเรียบเรียง