ชาวติมอร์ เลสเต้ รอคอยผลการนับคะแนนเลือกตั้งประธานาธิบดี
การนับคะแนนเลือกตั้งประธานาธิบดีติมอร์ เลสเต้ นับบัตรลงคะแนนแล้วเสร็วไปกว่า 4 แสนใบ คิดเป็นร้อยละ 65 ของบัตรลงคะแนนทั้งหมด ปรากฏว่านายฟรานซิสโก กูเตเรส ผู้นำพรรคฝ่ายค้าน เป็นผู้มีคะแนนนำ คิดเป็นร้อยละ 28 ของคะแนนที่นับแล้วเสร็จ ตามมาด้วยนายโฮเซ่ มาเรีย เดอ วาสคอนเซโลส หรือที่ชาวติมอร์คุ้นเคยในชื่อทาอูร์ มาทาน รูอัค อดีตนายทหารและหัวหน้ากลุ่มติดอาวุธ ที่ได้คะแนนคิดเป็นร้อยละ 25 ขณะที่นายโฮเซ่ รามอส ฮอร์ต้า ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน ได้คะแนนตามเป็นอันดับ 3 คิดเป็นร้อยละ 18
การนับคะแนนที่เสร็จสิ้นไปกว่าครึ่ง แต่คาดว่าต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง จึงจะสามารถประกาศผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการได้ เนื่องจากต้องนับคะแนนด้วยมือ และยังรอการรายงานผลจากหน่วยเลือกตั้งในเขตห่างไกล แต่เนื่องจากตอนนี้ยังไม่มีผู้สมัครคนใดมีคะแนนทิ้งขาด ทำให้คณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศชัดเจนว่าจะมีการเลือกตั้งรอบที่ 2 ซึ่งศาลสูงของติมอร์จะเป็นผู้กำหนดวันลงคะแนน โดยคาดว่าจะมีขึ้นใน 2 สัปดาห์
แม้ติมอร์ เลสเต้ จะเป็นชาติเกิดใหม่ ที่เพิ่งมีอายุครบ 10 ปี และยังยากจน รวมทั้งมีปัญหาความรุนแรง แต่การเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งที่สองในประวัติศาสตร์ มีการวางระบบเป็นอย่างดี ผิดกับการเลือกตั้งเมื่อ 5 ปีก่อน ที่เกิดความรุนแรงจนประเทศแทบจะตกอยู่ในภาวะสงครามกลางเมือง
โดยการเลือกตั้งเมื่อปี 2549 ต้องจัดการเลือกตั้งรอบที่ 2 ซึ่งครั้งนั้นเป็นการชิงชัยระหว่างนายรามอส ฮอร์ต้า กับนายกูเตเรส ซึ่งนายฮอร์ต้ามีคะแนนเป็นอันดับ 2 ในการเลือกตั้งรอบแรก แต่พลิกกลับมาคว้าชัยถล่มทลายในการเลือกตั้งรอบที่ 2 แต่การเลือกตั้งครั้งนี้ มีนายทาอูร์ รูอัค เป็นคู่แข่งสำคัญ และได้รับเสียงชื่นชมจากชาวติมอร์ เลสเต้ ในฐานะที่เขาเคยเป็นนักสู้เพื่อเอกราชของประเทศ ขณะที่นายรามอส ฮอร์ต้า ใช้แนวทางการเจรจาต่อรอง จนทำให้เขาได้รับรางวัลโนเบล สาขาสันติภาพ ซึ่งระหว่างดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี เคยเกิดการสู้รบรุนแรงในประเทศ ทำให้เขาถูกลอบยิงจนเกือบเสียชีวิต