กสทช.ชี้ กสท.ยุติโครงข่าย 3G ลูกค้าใช้ได้ปกติแต่ไม่ทั่วประเทศ
นพ.ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือกสทช. ด้านคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม ให้สัมภาษณ์กับไทยพีบีเอส ถึงกรณี กสท. ยุติโครงข่ายสามจีว่า การหยุดขยายโครงข่ายนั้นไม่ได้เป็นการหยุดให้บริการ ลูกค้าสามารถใช้งานได้ตามปกติ เพียงแต่ในอนาคตพื้นที่จะไม่กว้างขวางขึ้น เนื่องจากเดิม กสท. วางแผนเช่าโครงข่ายจากบริษัท BFKT โดยบอกว่าจะลงทุนโครงข่ายทั่วประเทศ ดังนั้นถ้ามีการยุติโครงข่าย ก็คาดว่าจะไม่สามารถเปิดให้บริการได้ทั่วประเทศ โดยการสมัครใช้บริการนั้นถือเป็นสัญญาทางแพ่ง ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าเนื้อหาในสัญญาหรือโฆษณาเป็นอย่างไร โดยตามกฎหมายไทยนั้นโฆษณาเป็นส่วนหนึ่งของสัญญา เพราะฉะนั้นถ้าโฆษณาว่าให้บริการทั่วประเทศ ก็แปลว่า กสท.ต้องรับผิดชอบในกรณีที่ให้บริการไม่ได้ ในส่วนของลูกค้าเอง ถ้า กสท.ยืนยันว่าจะไม่ขยายโครงข่าย ก็จำเป็นต้องเลือกใช้โครงข่ายอื่น แต่อาจใช้การคงสิทธิ์เลขหมายเดิมไว้ได้ สำหรับลูกค้าใหม่นั้น กสท. ควรจะเปิดเผยพื้นที่ให้บริการอย่างชัดเจน เพื่อให้ลูกค้าตัดสินใจ
นพ.ประวิทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรณีนี้มีความคล้ายคลึงกับทีโอที 3G เพราะทีโอทีลงทุนหลายหมื่นล้านบาท ก็ใช้งบประมาณจากรัฐบาล ส่วนเรื่องการอนุมัติเงินนั้นเป็นกระบวนการของทางราชการ และขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้างการประมูล ในตัวอย่างของทีโอที 3G นั้นมีการท้วงติงและมีปัญหากันมาตลอด ดังนั้น กสท.เอง คงจะดำเนินการได้ไม่รวดเร็วนัก
สำหรับสัญญาของกสท.ที่เกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าวมีอยู่สองฉบับ ฉบับแรกเป็นส่วนของ กสท.ที่ทำสัญญาเช่าโครงข่ายจากบริษัท BFKT ซึ่งเป็นบริษัทลูกของบริษัท ทรูมูฟ จำกัด ฉบับที่สองคือการขายต่อสัญญาณให้กับบริษัท เรียลมูฟ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของทรูฯ เช่นเดียวกัน ซึ่งทรูมูฟเอชให้บริการโดยบริษัทเรียลมูฟ จึงไม่สามารถไปโต้แย้งเรื่องของการไม่เช่าโครงข่ายได้ เพราะเป็นคนละขั้นตอนกัน ดังนั้นทรูมูฟเอชต้องยอมรับสภาพ หากบริษัทที่ไปขอซื้อบริการมีพื้นที่ให้บริการที่จำกัด แต่ปัจจุบัน ทรูมูฟเอชให้บริการแค่ไหน ก็ต้องคงสภาพไว้ ห้ามลดลง