ครบรอบ 10 ปีวันประกาศเอกราชติมอร์ เลสเต้
การเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งล่าสุด ของติมอร์ เลสเต้ที่เพิ่งผ่านพ้นไป เป็นตัวชี้วัดถึงเสถียรภาพทางการเมืองของติมอร์ เลสเต้ ว่ามีความมั่นคงมากยิ่งขึ้น เพราะเป็นการเลือกตั้งที่ว่ากันว่ามีความเสรี เที่ยงธรรม และโปร่งใสมาก แต่บททดสอบของชาติที่เพิ่งมีอายุครบ 10 ปีอย่างติมอร์ เลสเต้ และปีนี้พวกเขายังมีด่านทดสอบสำคัญอีก 2 ด่านด้วยกันคือ
วันนี้ชาวติมอร์ เลสเต้ ร่วมเฉลิมฉลองครบรอบ 10 ปีวันคล้ายวันประกาศอิสรภาพของประเทศ จากการครอบครองของอินโดนีเซีย โดยมีแขกผู้มีเกียรติจากนานาประเทศ เข้าร่วมงาน ซึ่งก็รวมถึง พล.ท.สุสิโล่ บัมบัง ยูโดโยโน่ ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย และประธานาธิบดีอนิบาล คาวาโก้ แห่งโปรตุเกส เข้าร่วมพิธีฉลองที่กรุงดิลี่
นายทาอูร์ มาทาน รูอัค ประธานาธิบดีติมอร์ เลสเต้ กล่าวสุนทรพจน์เนื่องในวันคล้ายวันประกาศอิสรภาพ แสดงความขอบคุณสหประชาชาติ ที่มีบทบาทสำคัญในการประคับประคองติมอร์นาน 2 ปี ก่อนการประกาศอิสรภาพอย่างเป็นทางการ รวมทั้งชาติต่างๆ ที่ร่วมมือกับสหประชาชาติ จนก่อกำเนิดติมอร์ เลสเต้ ก่อนร่วมกันสงบนิ่ง 1 นาทีเพื่อระลึกถึงวีรบุรุษ และวีรสตรีของชาติ ที่เสียสละชีวิตต่อสู้กับอินโดนีเซีย จนได้มาซึ่งอิสรภาพ
พิธีฉลองครบรอบ 10 ปีวันคล้ายวันประกาศอิสรภาพติมอร์ เลสเต้ เกิดขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมง หลังจากนายรูอัค วัย 55 ปี สาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีติมอร์อย่างเป็นทางการเมื่อหลังเที่ยงคืนวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น ขึ้นดำรงตำแหน่งต่อจาก นายโฮ่เซ่ รามอส ฮอร์ต้า หลังคว้าชัยในการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งได้รับการชื่นชมว่าเป็นการจัดการเลือกตั้งที่เสรี เที่ยงธรรม และโปร่งใส สะท้อนให้เห็นถึงความมีวุฒิภาวะทางการเมือง และพัฒนาการประชาธิปไตยในประเทศที่มีอายุเพียง 10 ปีประเทศนี้
แม้ช่วง 4 -5 ปีที่ผ่านมา ติมอร์ เลสเต้ จะสงบสุขและมีความมั่นคงทางการเมืองเพิ่มขึ้นมาก แต่ปีนี้ยังมีบททดสอบสำคัญของชาวติมอร์อีกหลายอย่าง ทั้งการเลือกตั้งทั่วไปที่จะมีขึ้นในเดือนกรกฎาคม รวมทั้งการรับมอบอำนาจในการดูแลความมั่นคงในประเทศ จากกองกำลังรักษาสันติภาพของสหประชาชาติ ที่ถึงกำหนดถอนทหารออกจากติมอร์สิ้นปีนี้
และปัญหาสำคัญที่ท้าทายผู้นำใหม่ คือการแก้ไขปัญหาความยากจน เนื่องจากประชากรราวครึ่งหนึ่งจากทั้งหมดราว 1.1 ล้านคนของติมอร์ เลสเต้ยังมีฐานะยากจน ซึ่งผู้นำใหม่ของติมอร์ ก็กล่าวถึงความจำเป็นในการเปลี่ยนแปลงระบบเศรษฐกิจของประเทศให้หลากหลาย และลดการพึ่งพิงทรัพยากรน้ำมัน และสินค้าจากต่างประเทศ