แกะรอย ...ขบวนการโกงสอบตำรวจชั้นประทวนทั่วประเทศ
การรับสมัครบุคคลภายนอกเข้าเป็นข้าราชการตำรวจชั้นประทวน 10,000 อัตราที่มีการสอบทั่วประเทศเมื่อวานนี้ ( 10 มิ.ย.) มีผู้สมัครและเข้าสอบเกือบ 300,000 คน แต่ในครั้งนี้กลับพบว่า มีการทุจริตมากที่สุดที่เคยเปิดสอบ โดยพบหลักฐานเป็นเครื่องรับสัญญาณระบบสั่นถึง 217 เครื่อง โดยเครื่องรับสัญญาณนี้ พบว่า มีลักษณะคล้ายกันทุกที่เชื่อว่า อาจเป็นขบวนการเดียวกัน ขณะที่ประเด็นเจ้าหน้าที่เข้าไปเกี่ยวตำรวจปฏิเสธ พร้อมยืนยันวิธีการโปร่งใส
เครื่องรับสัญญาณระบบสั่นลักษณะนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ตรวจพบในการสอบบรรจุเข้าเป็นข้าราชการตำรวจ การสอบของบุคคลภายนอกเพื่อเป็นข้าราชการตำรวจชั้นประทวนที่เปิดสอบทั่วประเทศเมื่อวานนี้ เช่นกัน ที่พบว่า มีผู้เข้าสอบพยายามทุจริตด้วยวิธีซุกซ่อนเครื่องรับสัญญาณไว้บริเวณจุดซ่อนเร้นตามร่างกาย แต่ครั้งนี้แตกต่างกว่าครั้งที่ผ่านมาเพราะตัวเลขที่ตรวจพบมีถึง 217 คน ซึ่งถือเป็นการตรวจพบทุจริตมากที่สุดที่เคยเปิดสอบ
เจ้าหน้าที่ต้องใช้ เครื่องตรวจจับวัตถุโลหะ และ การตรวจ ความถี่ในการส่งสัญญาณมาที่เครื่องรับ ซึ่งกรณีหลัง พบว่า มีการส่งคลื่นสัญญาณหลังการสอบผ่านไป 1 ชั่วโมง ซึ่งมีการตั้งข้อสังเกตุจากตำรวจว่า ขบวนการทุจริตจะส่งหน้าม้าเข้ามาทำข้อสอบ จากนั้นพยายามนำข้อสอบออกไปและส่งสัญญาณกลับมา โดยคำตอบที่ส่งกลับมาคือจำนวนครั้งในการสั่น ที่ผู้เข้าสอบตกลงกับขบวนการทุจริตก่อนเข้าสอบ
บาร์โค้ดรหัส 7 ตัวถูกนำมาแก้ปัญหาการทุจริตชุดข้องสอบล่าสุด จากเดิมข้อสอบมี 2 ชุด แต่ในขณะนี้แบ่งเป็น 8 ชุด ซึ่งไม่มีใครทราบได้ว่า ข้อสอบที่ได้รับเป็นข้อสอบชุดใดหากยังไม่มีการสแกนรหัส ด้วยเหตุนี้จึงทำให้คณะกรรมการกองการสอบมั่นใจว่า การออกข้อสอบ และ ขั้นตอนของเจ้าหน้าที่ในครั้งนี้โปร่งใสที่สุด
ส่วนประเด็นเจ้าหน้าที่อาจมีส่วนรู้เห็นการนำข้อสอบออกมา กองบัญชาการศึกษายืนยันว่า ไม่สามารถทำได้อย่างแน่นอน เนื่องจากผู้ออกข้อสอบและผู้เกี่ยวข้องการพิมพ์ข้อสอบจะถูกเก็บตัวจนกว่าการสอบจะเสร็จสิ้น และ การนำข้อสอบออกมาจากซอง ต้องแกะสติ๊กเกอร์ที่มีลายน้ำ
โทษสำหรับผู้เข้าสอบที่พยายามทุจริต คือ การตัดสิทธิ์การเข้าสอบเป็นราชการในทุกกรณี ขณะที่ขบวนการโกงข้อสอบมีความผิดตามพระราชบัญญัติวิทยุโทรคมนาคม มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ ส่วนการสอบในครั้งนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะมีการ เปิดสอบใหม่หรือไม่ หากพบการทุจริตเป็นขบวนการใหญ่