“ญี่ปุ่น” จุดหมายปลายทางในปลายปีของใครหลายคน และแลนมาร์คหนึ่งสุดงดงามหนึ่งที่ผู้ต่างมาเยี่ยมเยียน คงหนีไม่พ้น “ภูเขาไฟฟูจิ” แล้วเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น ภูเขาไฟเพียงลูกเดียวมีความมหัศจรรย์ใดที่ดึงดูดผู้คนให้มาเยือน
Thai pbs ชวนมาสำรวจดูเรื่องราวที่ซ่อนอยู่ในภูเขาไฟฟูจิ จุดหมายทางได้ชื่อว่าควรมาเยือนสักครั้งในชีวิต
ภูเขาไฟฟูจิ ความงดงามอันยาวนานก่อนกาลกว่า 1,400 ปี
ก่อนที่โลกจะมีวัฒนธรรมด้านการท่องเที่ยว ภูเขาไฟฟูจิมีความโดดเด่นในตัวเอง ถือเป็นภูเขาที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น เป็นแลนด์มาร์คที่ผู้คนรู้จักมาตั้งแต่ราว 1,400 ปีก่อน หรือก็คือในช่วงค.ศ. 600 – 700 หรือก่อนยุคเฮอังเสียอีก โดยภูเขาไฟฟูจิถือเป็นแลนด์มาร์คที่ผู้คนจะเข้าใจได้ว่ากำลังเดินทางมาถึงเขตของเมืองเอโดะแล้ว
นอกจากนี้ ด้วยลักษณะโดดเด่นที่เป็นภูเขาสูงใหญ่ โดยมีความสูงที่ 12,388 ฟุต หรือ 3,776 เมตร สูงที่สุดในญี่ปุ่น และเป็นอันดับ 2 ของเอเชีย มีเอกลักษณ์ที่การมีหิมะสีขาวคลุมส่วนยอด หรือที่เรียกกันว่า “หมวก” ทำให้ภูเขาไฟฟูจิเข้าไปอยู่ในงานศิลปะยุคโบราณมากมาย โดยเฉพาะในผลงานของ “คะซึชิกา โฮะกุไซ” ศิลปินระดับปรามาจารย์แห่งยุคเอโดะ เจ้าของผลงานชุด “ทัศนียภาพ 36 มุมของภูเขาฟูจิ” ซึ่งมีภาพ “คลื่นยักษ์นอกฝั่งคานางาวะ” อันโด่งดังรวมอยู่ด้วยนั่นเอง
จุดเริ่มต้นจากพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งการเริ่มต้นใหม่
เทพเจ้าอาศัยอยู่ที่นี่ คือความเชื่อในอดีตของภูเขาไฟฟูจิ เนื่องมาจากการปะทุของภูเขาไฟแต่ละครั้ง ที่สร้างความหวาดกลัว หวั่นเกรงให้กับผู้คน คงหนีไม่พ้นว่าจะเป็นผลมาจากโกรธของเทพเจ้า
ความเชื่อนี้เองเที่เป็นต้นเหตุให้คนกลุ่มแรกที่เดินขึ้นไปถึงยอดของภูเขาไฟฟูจิได้สำเร็จคือกลุ่มพระสงศ์จากศาสนาชินโต และได้มีการสร้างศาลเจ้าชินโตขึ้นเพื่อเป็นการเคารพบูชาให้เทพเจ้าสงบลง นับจากนั้นก็ได้มีกิจกรรมทางศาสนาต่อเนื่องยาวนาน
ศาลเจ้าฟูจิซังเซนเงน (Fujisan Sengen Shrine) ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นพำนักของเทพเจ้าเซนเงน หรือเจ้าหญิงโคโนฮานะซากุยะ ลูกสาวของเทพแห่งภูเขา โอยะมัทสึมิ ถือเป็นเจ้าหญิงแห่งฤดูใบไม้ผลิ พร้อมกันนั้นที่ทำให้เทพเจ้าและสถานที่แห่งนี้เป็นสัญลักษณ์ของ “การเริ่มต้นใหม่”
ในช่วงเวลาดังกล่าว พื้นที่ภูเขาไฟฟูจิจึงเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ทางศาสนา จึงเคยมีข้อห้ามต่าง ๆ รวมถึงการห้ามผู้หญิงและชาวต่างชาติเข้า แต่ก็ถูกยกเลิกเมื่อล่วงเข้าสู่ช่วงปี 1872 จากทางการญี่ปุ่นเพื่อเปิดให้มีการท่องเที่ยว นอกจากนี้พื้นที่บนยอดเขายังเคยมีการตัดสินให้ไม่อยู่ในเขตของจังหวัดใด โดยศาลวินิจฉัยว่าเป็นพื้นที่ของพระเจ้าไม่มีใครเป็นเจ้าของได้ ทั้งนี้ ถือเป็นคำตัดสินที่ช่วยให้ไม่เกิดความขัดแย้งระหว่างพื้นที่ขึ้น
ภูเขาไฟฟูจิควรมาเที่ยวช่วงไหนบ้าง ?
ภูเขาไฟฟูจิสามารถมาเที่ยวตลอดทั้งปี เนื่องจากสภาพแวดล้อมโดยรอบค่อนข้างมีความสมบูรณ์ ผู้คนสามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิในรูปลักษณ์ที่มีความสวยงามแยกต่างกันไปได้ตลอดทั้งปีตามแต่ช่วงเวลาแห่งฤดูกาลที่นักท่องเที่ยวมาเยือน
ฤดูใบไม้ผลิช่วงมีนาคม - พฤษภาคม อากาศจะเย็นสบาย ภูเขาไฟฟูจิจะอยู่ท่ามกลางดอกซากุระที่กำลังเบ่งบาน
ฤดูร้อนช่วงมิถุนายน - สิงหาคม เป็นช่วงเวลาที่อากาศอบอุ่น มีการเปิดเส้นทางสำหรับเดินเขาในช่วงเดือนกรกฎาคม - กันยายน นอกจากนี้ยังมีโอกาสให้ได้ยลโฉมฟูจิสีแดง (Red fuji) ซึ่งเป็นรูปโฉมภูเขาไฟฟูจิสีแดงในช่วงเย็นซึ่งพบได้ยาก โดยจะเกิดในช่วงปลายฤดูร้อนต่อฤดูใบไม้ร่วง
ฤดูใบไม้ร่วงช่วงกันยายน - พฤศจิกายน สามารถรับชมทิวทัศน์ของภูเขาไฟฟูจิท่างกลางช่วงใบไม้เปลี่ยนสีอันงดงามพร้อมอากาศที่เย็นสบาย
ฤดูหนาวช่วงธันวาคม - กุมภาพันธ์ แม้จะมีอากาศหนาวจัด แต่ก็จะได้ชมภูเขาไฟฟูจิสวมหมวก หรือก็คือภูเขาไฟฟูจิที่มีหิมะสีขาวปกคลุมอยู่ที่ส่วนยอดเขาอันเป็นเอกลักษณ์
จุดท่องเที่ยวยอดนิยม
เนื่องจากภูเขาไฟฟูจิเป็นแลนด์มาร์คธรรมชาติที่มีขนาดใหญ่มาก จึงเป็นทิวทัศน์ที่สวยงามซึ่งมีสถานที่ท่องเที่ยวหลายจุดที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเยี่ยมเยียนเพื่อเก็บความประทับใจโดยมีความงดงามของฟูจิวางตัวอยู่เบื้องหลัง มาดูกันว่ามีสถานที่ใดบ้างที่เป็นที่นิยม
ริมทะเลสายคาวากุจิโกะ (Kawaguchiko) จะได้ชมทิวทัศน์ของภูเขาไฟฟูจิอยู่ร่วมเบื้องหลังทะเลสาบกว้าง โดยมีสถานที่ใกล้เคียงคือเจดีย์ 5 ชั้น หรือเจดีย์แดงเป็นวิวระยะไกลที่ชอบให้มองเห็นความสวยงามของภูเขาไฟฟูจิได้อย่างสมบูรณ์
ร้านสะดวกซื้อ Lawson ที่คาวากุจิโกะ ถือเป็นอีกจุดถ่ายรูปที่ได้รับความนิยมอย่างมาก โดยมีหน้าร้านสะดวกซื้อชื่อดังและมีภูเขาฟูจินตัดผ่านขึ้นมาพอดี ความนิยมของจุดถ่ายรูปดังกล่าว ถึงขั้นเกิดปัญหาในบริเวณดังกล่าวทั้งการไม่เคารพกฎจราจร การบุกรุกพื้นที่ส่วนบุคคล จนมีมาตรการนำตาข่ายมากั้น อยู่ช่วงนึง ก่อนที่จะปลดออกในเวลาต่อมาเมื่อนักท่องเที่ยงลดลง และมีการปฏิบัติตามกฎระเบียบมากขึ้นแล้ว
รีบไปก่อนจะสายจากภาวะโลกเดือด
เอกลักษณ์เด่นหนึ่งของภูเขาไฟฟูจิคือยอดภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ ทว่าเอกลักษณ์ดังกล่าวอาจพบได้น้อยลง เมื่อสภาพภูมิอากาศของโลกที่แปรปรวน หรือที่เรียกกันว่า “โลกเดือด” ได้ส่งผลถึงภูเขาไฟฟูจิเช่นกัน
โดยในปี 2567 นี้มีรายงานพบว่า หิมะแรกของภูเขาไฟฟูจิมาช้ากว่าตามปกติถึง 1 เดือน ทำสถิติช้าที่สุดในรอบ 130 ปี โดยทำงานสถิติเดิมที่ช้าสุดวันที่ 26 ตุลาคม เกิดขึ้นในปี 1955 และ 2016 จากที่มีการบันทึกกันเอาไว้ตั้งแต่ 1894 และละลายหายไปในเวลาเพียง 3 วันเท่านั้น ความผิดปกติของภูมิอากาศในปัจจุบันทำให้ฤดูหนาวของญี่ปุ่น มีความอบอุ่นมากขึ้น และทำให้หิมะละลายเร็วขึ้น ภาพภูเขาไฟฟูจิที่มีหิมะปกคลุมกำลังกลายเป็นภาพที่ยิ่งนับวัน จะยิ่งหาดูได้ยากขึ้นทุกที
อ้างอิง
- livejapan.com
- japandaily.jp
- japaninsides.com