นพ.เหวง โตจิราการ พร้อม นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ และ น.ส.จารุพรรณ กุลดิลก ส.ส. พรรคเพื่อไทย ร่วมกันแถลงข่าวเรียกร้องให้ประชาชนต่อต้านการชุมนุมขององค์การพิทักษ์สยาม โดยระบุว่าเข้าข่ายขัดขวางการทำหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติที่กำลังจะเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ พร้อมแถลงปฏิเสธการนัดหมายชุมนุมแบบม็อบชนม็อบ ที่หน้าทำเนียบรัฐบาลในวันที่ 24 พฤศจิกายน
ขณะที่ ผลการประชุมประเมินสถานการณ์และการค้นหาข่าวเชิงลึก กรณีการชุมนุมขับไล่รัฐบาลขององค์การพิทักษ์สยามและภาคีเครือข่ายนั้น ร้อยตำวจเอกเฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า มีรายงานจากการข่าวว่าจะมีกลุ่มมือที่ 3 เข้ามาปะปนกับผู้ชุมนุมและเตรียมก่อเหตุรุนแรงขึ้น
ดังนั้นรัฐบาลจะไม่ประมาทต่อการควบคุมดูแลความปลอดภัย เบื้องต้นสั่งการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เตรียมเรียกกำลังตำรวจสนับสนุนรวม 50,000 นาย โดยวันที่ 15 พฤศจิกายน จะประชุมวางมาตรการและแผนปฏิบัติการ รวมถึงแผนรองรับการชุมนุมเคลื่อนไหวปิดล้อมสถานที่ราชการ
พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ได้ให้นโยบายกำลังพลวางตัวเป็นกลางทางการเมือง เนื่องจากสถานการณ์การเมืองขณะนี้มีการเคลื่อนไหวต่าง ๆ โดยเฉพาะการชุมนุมขับไล่รัฐบาล ดังนั้นกองทัพบก จึงได้แถลงเตือนกำลังพลอย่างเป็นทางการ กรณีห้ามเข้าร่วมการชุมนุมกับองค์การพิทักษ์สยามและกลุ่มอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องทางการเมือง
ส่วนเหตุปาประทัดบริเวณหน้าบ้าน พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ประธานองค์การพิทักษ์สยาม ครั้งที่ 2 วันนี้พล.ต.ต.ปริญญา จันทร์สุริยา รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้เข้าตรวจสอบและชี้แจงว่า เป็นประทัดขนาดเล็ก หรือ ลูกดังขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1-2 เซนติเมตร ห่างจากตัวบ้าน 2-3 เมตร
จากการสอบ รปภ.บ้านพัก พล.อ.บุญเลิศ ไม่เห็นสิ่งผิดปกติและตรวจภาพจากกล้องวงจรปิดก็ไม่พบ เพียงแต่ได้ยินเสียงคล้ายประทัดดังขึ้นใกล้บ้านเท่านั้น จึงกำชับให้ตำรวจสถานีตำรวจนครบาลพระโขนง เข้มงวดกวดขันตรวจตระเวนอย่างต่อเนื่อง
เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน ก็เกิดเหตุในลักษณะเดียวกันที่บ้าน พล.อ.บุญเลิศ มาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ครั้งนั้น พล.อ.บุญเลิศ ไม่ได้อยู่บ้าน มีเพียงภรรยา และลูกน้องคนสนิทเท่านั้น ซึ่งได้แจ้งความที่สถานีตำรวจนครบาลพระโขนงไว้แล้ว