บทบาทพรรคขนาดกลาง-เล็กต่อการจัดตั้งรัฐบาล
ความสำคัญของพรรคขนาดกลางและเล็กในการจัดตั้งรัฐบาลนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้คำนิยามว่าเสมือนการจัดแจกันดอกไม้ที่จำเป็นต้องมีใบเฟิร์นประดับทำให้มีความสมบูรณ์มากขึ้น ซึ่งนายบรรหาร ศิลปอาชา ได้นำความหมายดังกล่าวมาใช้กับพรรคชาติไทยพัฒนาในวันนี้เพื่อสื่อไปถึงพรรคเพื่อไทยว่าพร้อมจะร่วมงานทางการเมือง
ในการเลือกตั้งปี 2548 พ.ต.ท.ทักษิณ สามารถรวบรวมพรรคการเมืองต่างๆ ยุบมารวมกับพรรคไทยรักไทยได้จนสามารถจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้สำเร็จด้วยคะแนนเสียงรวมกับส.ส.ปาร์ตีลิสท์กว่า 370 ที่นั่ง ขณะที่ในประวัติศาสตร์พรรคประชาธิปัตย์เคยจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวด้วยเสียงข้างน้อย แต่เป็นรัฐบาลอยู่ได้กว่า 20 วัน จากนั้น พรรคกิจสังคม ซึ่งมี ส.ส.เพียง 18 เสียง ได้รวบรวมพรรคต่างๆ จัดตั้งรัฐบาลผสมหลายพรรคอยู่ได้เพียง 8 - 9 เดือน ก็ต้องยุบสภา เพราะรัฐบาลอ่อนแอเกินไป
นายสุวิทย์ คุณกิตติ ประธานที่ปรึกษาพรรคกิจสังคมยอมรับว่าคงนำสถานการณ์การเมืองขณะนี้ ไปเปรียบเทียบกับยุคสมัยก่อนไม่ได้ แต่ความสำคัญของพรรคขนาดกลางและขนาดเล็ก นั้นมักจะมีความสำคัญต่อการจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้งทุกครั้ง
เมื่อนำข้อมูลการนำเสนอข่าวสารของสื่อมวลชนมาวิเคราะห์จะเห็นได้ว่าสองพรรคใหญ่ได้ช่วงชิงพื้นที่สื่อฯไปได้มากกว่าพรรคขนาดกลาง และเล็ก จึงไม่น่าแปลกใจที่พรรคการเมืองอื่นจึงต้องสร้างกระแสเพื่อช่วงชิงพื้นที่การนำเสนอข่าว โดยเฉพาะสูตรการจัดตั้งรัฐบาลในช่วงโค้งแรกการเลือกตั้ง ที่มีข่าวว่าพรรคเพื่อไทยได้ส่งเทียบเชิญพรรคชาติไทยพัฒนา และชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดินมาร่วมรัฐบาลแล้ว ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์นั้นยังคงยืนยันว่าสามารถร่วมงานได้กับทุกพรรคการเมืองยกเว้นพรรคเพื่อไทยเพียงพรรคเดียวเท่านั้น
