ชาวคะฉิ่นยังไม่เชื่อมั่นคำประกาศหยุดยิงของรัฐบาลพม่า
ตลาดในเมืองไลซา เมืองฐานที่มั่นของกลุ่มเคลื่อนไหวปลดปล่อยคะฉิ่น และกองกำลังติดอาวุธปลดปล่อยคะฉิ่น ซึ่งเป็นกองกำลังติดอาวุธกลุ่มใหญ่ที่สุด ที่ยังคงต่อสู้กับกองทัพพม่าในขณะนี้ เต็มไปด้วยประชาชนที่ออกไปจับจ่ายข้าวของในวันที่การประกาศหยุดยิงฝ่ายเดียวของรัฐบาลพม่า มีผลบังคับใช้
ขณะที่ประชาชนยังไม่ค่อยมั่นใจว่าการประกาศหยุดยิงฝ่ายเดียว จะนำสันติภาพกลับคืนสู่รัฐคะฉิ่นหรือไม่ หลังกองกำลังติดอาวุธและกองทัพพม่า เปิดฉากต่อสู้อย่างรุนแรงเมื่อ 20 เดือนก่อน ตอนที่ข้อตกลงหยุดยิงของทั้งสองฝ่ายถูกฉีกทิ้งไป ชาวรัฐคะฉิ่นบางคนไม่เชื่อในรัฐบาลพม่า โดยกล่าวหาว่าเคยหลอกลวงมาหลายต่อหลายครั้ง และพยายามจะกวาดล้างคนเชื้อสายคะฉิ่นให้หมดไป รวมทั้งกล่าวตำหนินางออง ซาน ซูจี ที่ไม่สนใจชะตากรรมของชาวคะฉิ่น
ล่าสุดวันนี้ (20 ม.ค.) มีรายงานอ้างจากโฆษกของกลุ่มเคลื่อนไหวปลดปล่อยคะฉิ่น ซึ่งเป็นปีกการเมืองของกลุ่มปลดปล่อยคะฉิ่น อ้างว่า ทหารของพม่า เปิดฉากโจมตีกองกำลังติดอาวุธของคะฉิ่นอีกครั้ง ทั้งที่การประกาศหยุดยิงเพิ่งจะบังคับใช้กับกองทัพเมื่อวานนี้ (19 ม.ค.) กลุ่มปลดปล่อยคะฉิ่น ประเมินว่า การโจมตีครั้งนี้ใช้ทั้งปืนใหญ่ และกองกำลังภาคพื้นดิน เพื่อผลักดันกองกำลังคะฉิ่นเพื่อยึดชัยภูมิยุทธศาสตร์บริเวณเชิงเขาห่างจากเมืองไลซาไม่กี่กิโลเมตรกลับมา และคาดว่าหลังจากนี้กองทัพพม่าอาจเปิดฉากโจมตีเพื่อยึดเมืองไลซาให้ได้
เมื่อวันศุกร์ (18 ม.ค.) ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีเต็ง เส่ง ลงนามในการประกาศหยุดยิงฝ่ายเดียว โดยให้มีผลบังคับใช้ในวันเสาร์ หลังการต่อสู้ทำให้เกิดความสูญเสีย และมีชาวคะฉิ่นหลายหมื่นคนกลายเป็นผู้พลัดถิ่น การต่อสู้รุนแรงขึ้นในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา และกองทัพยิงกระสุนปืนใหญ่โจมตีเมืองไลซา ฐานที่มั่นของกองกำลังคะฉิ่นเป็นครั้งแรกเมื่อสัปดาห์ก่อนหน้านี้ เป็นเหตุให้พลเรือนเสียชีวิต 3 คน บาดเจ็บอีกจำนวนหนึ่ง และมีการกล่าวหาว่ากองทัพใช้อาวุธเคมีด้วย
กระทั่งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา สภาผู้แทนพม่า มีมติเรียกร้องให้ทั้งกองทัพ และกองกำลังคะฉิ่น ยุติการสู้รบทันที เป็นที่มาที่ทำให้ผู้นำพม่าประกาศให้กองทัพหยุดยิงอีกครั้ง