<"">
โฆสิต สุวินิจจิต หนึ่งในผู้โดยสารเดินทาง เผยถึงเหตุการณ์เครื่องบิน แอร์บัส เอ 330-300 ของสายการบินไทย ไถลออกนอกทางวิ่งที่สนามบินสุวรรณภูมิ ว่าขณะเครื่องบินลงจอดมีชิ้นส่วนกระเด็นและเกิดไฟไหม้้ท้ายเครื่อง
นายโฆสิต สุวินิจจิต ผู้โดยสาร เผยถึงเหตุเครื่องบินแอร์บัส เอ 330-300 ของสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG-679 เส้นทางกวางโจว-สุวรรณภูมิ ไถลออกรันเวย์ 19L ฝั่งตะวันออก ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ว่าตอนแรกมีกัปตันเครื่องบินประกาศว่า ต้องลงจอดเครื่องบินไกล จึงต้องอภัยผู้โดยสาร เนื่องจากมีการซ้อมรันเวย์ และเมื่อเครื่องบินลงจอดเหตุการณ์ปกติดี แต่เมื่อลงจอดสนิทรู้สึกถึงอาการเบรกผิดปกติ สักพักเห็นเครื่องบินสไลต์ และเห็นชิ้นส่วนใหญ่กระเด็นออกมา จึงรู้ว่าเกิดเหตุการณ์ไม่ดี และเมื่อเครื่องบินจอดนิ่งก็ไถลออกนอกรันเวย์ และลงไปในดิน
หลังจากนั้นได้กลิ่นไหม้และมีควันออกมา รวมทั้งผู้โดยสารตะโกนว่ามีไฟไหม้ ซึ่งคาดว่าผู้โดยสารที่นั่งด้านหลังที่เห็นสะเกิดไฟ และเครื่องบินก็ดับไฟ จากนั้นกัปตันสั่งเปิดประตูและปล่อยแพร่ยางออกมา พร้อมประกาศให้ผู้โดยสารกระโดดลง และวิ่งให้เร็ว เมื่อถึงพื้น เนื่องจากไม่แน่ใจว่าหลังจากนี้จะเกิดเหตุการณ์อะไร เช่น ระเบิด เป็นต้น
แต่การท่าอากาศยานนำรถดับเพลิง รีบฉีดน้ำดับเพลิง และเจ้าหน้าที่ประกาศให้ผู้โดยสารออกจากบริเวณให้ไกลที่สุด และให้ไปรวมตัวที่รถซึ่งมีไฟสีฟ้า เพระไม่แน่ใจว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น
ส่วนแผนรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินทางท่าอากาศยานมีการรับมืออยู่ในเกณฑ์ดี แต่มีรถที่มีสปอร์ตไลท์ ฉาย เพราะอากาศมึด ทำให้ผู้โดยสารโกลาหล ด้านการประสานให้ข้อมูลผู้โดยสาร ทางท่าอากาศยานให้ไปขึ้นรถ มารอรับ เพื่อให้คนกักบริเวณในนั้น หลังจากนั้น 10 นาที กระบวนมาที่ อาคารผู้โดยสาร ของสนามบินสุวรรณภูมิ
ส่วนที่ควรแก้ไข คือควรมีล่าม เพราะมีผู้โดยสารต่างชาติ และเจ้าหน้าที่ หมอ พยาบาล พูดภาษาจีนไม่ได้ ทำให้ไกด์ 1 คน ต้องคอยแปลภาษา ซึ่งไม่พอกับจำนวนผู้โดยสาร ซึ่งการช่วยเหลือประมาณ ครึ่งชั่วโมงกว่า