วันนี้ (21 มี.ค.) พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่า การตรวจสอบรถโบราณ ของ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือ สมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ไม่เกี่ยวข้องกับการแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชองค์ใหม่และขอร้องว่าอย่านำคดีนี้ไปเชื่อมโยงกัน
ขณะที่ กรณีรถโบราณในความครอบครองของสมเด็จช่วง จากการตรวจสอบของดีเอสไอ พบมีที่มาผิดกฏหมายจึงจำเป็นต้องสอบสวนตามขั้นตอนเพราะถือว่า สมเด็จช่วง มีสถานะทางสังคมและจำเป็นต้องให้เกียรติอย่างสูง โดยที่ผ่านมาดีเอสไอทำเป็นหนังสือเพื่อขอเข้าพบ สมเด็จช่วงและไม่มีการออกหมายเรียก แต่เมื่อไม่ได้รับความร่วมมือจากทีมทนายความของวัดปากน้ำ โดยอ้างว่าพนักงานสอบสวนต้องส่งคำถามให้ทีมทนายความ ซึ่งในทางปฏิบัติไม่เคยปรากฏมาก่อนว่า พนักงานสอบสวนต้องส่งคำถามก่อนการสอบสวนปากคำ
สำหรับกรณีที่มีการนำคดีนี้ไปขยายความและระบุว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม มีพฤติกรรมจาบจ้วงสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือ สมเด็จช่วง นั้นพล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า ยืนยันว่าคดีการตรวจสอบรถโบราณเป็นไปตามกฏหมายและที่ผ่านมา ได้มีการตรวจสอบรถยนต์หรูไปแล้วกว่า 7,000 คัน ทั้งที่ข้อเท็จจริงคดีนี้ได้ดำเนินการตั้งแต่ก่อนที่ตัวเองจะเข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวอีกว่า หากวันข้างหน้าพิสูจน์ว่าสิ่งที่ทำไปนั้นขัดหลักกฏหมายก็ไม่จำเป็นต้องล่ารายชื่อเพื่อปลดตนเองพร้อมจะลาออกจากตำแหน่งเอง แต่ขณะนี้ ยืนยันว่า ได้ทำทุกอย่างถูกต้องตามกฏหมายแล้ว