วันนี้(18 ต.ค.2559) พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาคดีความมั่นคงในราชอาณาจักร หรือคดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 กล่าวว่าเตรียมส่งข้อมูลไปยังเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย ตามประเทศที่พบบุคคลหรือกลุ่มบุคคล ซึ่งเคลื่อนไหวเข้าข่ายบิดเบือนข้อมูลและหมิ่นสถาบัน
สำหรับรายชื่อผู้กระทำผิดมาตรา 112 นั้น พล.อ.ไพบูลย์ ระบุว่าเป็นกลุ่มเก่ามีประมาณ 6-7 กลุ่ม ซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ได้ประสานกระทรวงการต่างประเทศ ติดตามการเคลื่อนไหวผู้กระทำผิด และทราบว่าเคลื่อนไหวในประเทศใดแล้ว
นอกจากนี้ พล.อ.ไพบูลย์ ระบุว่ากฎหมายไทยยังติดขัดที่จะดำเนินคดีโดยเร็ว เพราะต้องใช้ความสัมพันธ์ในเชิงการทำงานร่วมกันที่จะพิจารณาดำเนินการ ซึ่งไทยก็ต้องเคารพอธิปไตยของประเทศอื่นด้วย สอดคล้องกับ พล.อ.ทวีป เนตรนิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) ที่ยืนยันว่าจะใช้ทุกช่องทางในการดำเนินคดี และยุติการเคลื่อนไหวของกลุ่มบุคคล ที่บิดเบือนข้อมูลในโซเชียลมีเดีย
ผู้สื่อข่าวถามความเห็นต่อกรณีที่มีประชาชนกลุ่มหนึ่งชุมนุมหน้าบ้านพักของครอบครัวผู้ที่โพสต์ข้อความหมิ่นสถาบัน พล.อ.ไพบูลย์กล่าวว่า เหตุการณ์ที่ภูเก็ตนั้นเป็นสิ่งที่สะท้อนถึงความรู้สึกของคนไทยที่รับไม่ได้กับการหมิ่นสถาบัน ส่วนการดำเนินการกับผู้ที่มีพฤติกรรมหมิ่นพระบรมเดชานุภาพนั้นต้องใช้มาตรการทางสังคม
"ผมเคยพูดว่าไม่มีอะไรดีกว่ามาตรการทางสังคม ผมว่าหลายคนที่ไปเคลื่อนไหวอยู่ต่างประเทศเราก็มีพี่น้องประชาชนที่ตรวจสอบอยู่ เพราะบางทีการดำเนินการใดๆ ก็ติดขัดที่กฎหมายในประเทศของเขา แต่เราก็ทำหนังสือขอความเห็นใจ ใช้ความเป็นมิตรประเทศกัน" พล.อ.ไพบูลย์กล่าวพร้อมกับเปิดเผยว่าได้ทำหนังสือไปถึงทางการของประเทศที่มีผู้เคลื่อนไหวอยู่
พล.อ.ไพบูลย์กล่าวว่า ขณะนี้กระทรวงการต่างประเทศกำลังตรวจสอบและดำเนินการกับสื่อต่างประเทศที่นำเสนอเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมกับสถาบันกษัตริย์ของไทยอยู่ เนื่องจากเป็นเรื่องที่นายกฯ สั่งการด้วย ในส่วนของผู้ที่มีพฤติกรรมหมิ่นสถาบันนั้นกระทรวงยุติธรรมประสานงานกับกระทรวงการต่างประเทศ
"ผมจะทำหนังสือถึงทูตโดยตรงให้รู้ แต่เราต้องมัน่ใจว่า คนของเราไปเคลื่อนไหวอยู่ในประเทศเขา เราต้องตรวจสอบข้อมูลให้ชัดอีกที สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เห็นว่ามีผู้ที่ยังเคลื่อนไหวอยู่แม้ประเทศไทยกำลังอยู่ในภาวะเช่นนี้"