ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 30 พ.ย.ที่ผ่านมา นายวิทยา ขุนสัน เจ้าพนักงานประมงชำนาญงาน กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง หรือ ทช.พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากหน่วยอนุรักษ์ฯ จ.กระบี่ ร่วมกับ ชุดจับกุม ตำรวจน้ำ เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี เข้าตรวจ บ้านบากัน ต.อ่าวลึกน้อย อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ หลังได้รับแจ้งว่าพบการกระทำความผิดค้ากัลปังหาในพื้นที่และลงขายผ่านทางเวปไซต์
นายวิทยา บอกว่า จากการตรวจสอบพบกัลปังหา จึงได้ทำการตรวจยึดของกลาง ซากกัล ปังหา จำนวน 24 กิโลกรัมมูลค่าราว 20,000 บาท พร้อมจับกุมผู้ต้องหา จำนวน 3 รายดำเนินคดี โดยกล่าวหาว่ามีความผิดตาม มาตรา19 และ 20 มีบทลงโทษตามมาตรา 47 แห่ง พรบ.สงวนและค้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 มีโทษปรับ 4 ปีจำคุกไม่เกิน 40,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ เนื่องจากกัลปังหา ถือเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ห้ามมีไว้ในครอบครองหรือเพื่อการค้าขาย
สำหรับ วิธีการค้าขายกัลปังหา ผ่านทางเวปไซด์ครั้งนี้ เจ้าหน้าที่บอกว่าเป็นครั้งแรกที่พบรูปแบบการขายผ่านทางโซเซียลมีเดีย ซึ่งทาง ทช.ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนชน และแจ้งเข้ามา จนมีการประสานมาทางพื้นทีท เจ้าหน้าที่ได้ทำการล่อซื้อจากหมายเลขโทรศัพท์ และทำให้ทราบพิกัด จึงนำกำลังจากหลายหน่วยเข้ามาเข้าจับกุมผู้ต้องหาได้
โดยขณะนี้ยอมรับว่าสถานการณ์ลักลอบการตัดและขายกัลปังหาจากทะเลในพื้นที่กระบี่ ยังคงมีอยู่ และกลุ่มคนที่นิยม ยังจำกัดเฉพาะกลุ่มทั้งการนำเอาไปทำเครื่องประดับ เช่น กำไล ราคาจะตกชิ้นละ 200-300 บาท ของที่ระลึก ของแต่งบ้าน ตกแต่งตู้ปลา โดยผู้ต้องหาอ้างว่าของที่ยึดได้มาจากประเทศเพื่อนบ้าน ผ่านทางระนองเข้ามา และเอามาจำหน่ายในกลุ่มนักนิยมสินค้าชนิดนี้
สำหรับ กัลปังหาเป็นสัตว์ทะเลที่เจริญเติบโตค่อนข้างช้า และบางชนิดอาจจะใช้เวลาเป็นร้อยปีในการเติบโตเพียงแค่ 1 ฟุต ในหนึ่งต้นจะมีตัวกัลปังหาอยู่เป็นจำนวนมาก ดังนั้น การทำลายกัลปังหาหนึ่งต้นเท่ากับเป็นการทำลายตัวกัลปังหาหลายแสนตัว แต่ปัจจุบันนี้ยังมีผู้ลักลอบนำกัลปังหาและปะการังมาจำหน่ายในตลาดตู้ปลาหลายแห่ง