จากกรณีที่มีผู้ป่วยวัย 63 ปี ถูกแมวข่วนกระทั่งผ่านไป 1 สัปดาห์แผลลุกลามจากบริเวณเท้าขึ้นมาจนถึงต้นขา โดยเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต จ.ภูเก็ต ซึ่งแผลเริ่มลาม ทั้งนี้ อธิบดีกรมควบคุมโรค ออกมาชี้แจงว่า สาเหตุเกิดจากผู้ป่วยเป็นโรคเนื้อเน่า หรือแบคทีเรียกินเนื้อ
วันนี้ (24 ม.ค.2560) นายแพทย์เจษฎา โชคดำรงสุข อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า กรณีดังกล่าวผู้ป่วยถูกแมวข่วน แล้วไม่ได้ล้างทำความสะอาด ต่อมามีไข้ ขาบวม บาดแผลลุกลาม
แพทย์ตรวจพบว่า การทำงานของไตบกพร่อง เกล็ดเลือดต่ำกว่าปกติ จึงผ่าตัด 2 ครั้ง ใน 3 วัน ฉีดวัดซีนป้องกันบาดทะยัก และโรคพิษสุนัขบ้า
จากการวินิจฉัยพบว่าผู้ป่วยเป็นโรคเนื้อเน่า ซึ่งเป็นโรคติดเชื้อที่ผิวหนัง และชั้นไขมันใต้ผิวหนังอย่างรุนแรง ส่วนใหญ่เกิดจากแผลเล็กๆ จึงไม่ทำความสะอาด ทำให้แผลยิ่งอักเสบ ผู้ป่วยอาจต้องเข้ารับการผ่าตัดอีก หากมีเนื้อตายเพิ่ม และหากหายดีแล้ว แพทย์จะทำศัลยกรรมปลูกถ่ายผิวหนังเพื่อปิดแผลต่อไป
อธิบดีกรมควบคุมโรค ยังแนะนำว่า หากถูกสุนัขหรือแมวที่สงสัยว่าเป็นโรคกัด ข่วน เลีย น้ำลายกระเด็นเข้าทางตา ปากหรือทางผิวหนังที่มีบาดแผล อย่าชะล่าใจ ควรรีบปฐมพยาบาล ล้างแผลทันทีด้วยน้ำและฟอกด้วยสบู่หลายๆ ครั้ง แล้วเช็ดแผลด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ แอลกอฮอล์ 70% หรือทิงเจอร์ไอโอดีน จากนั้นไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดทันที อย่าปล่อยทิ้งไว้
น.ส.ปัทมา ชิดสวน ผู้เลี้ยงแมวพันธุ์เปอร์เซีย ชื่อ"ลักกี้ มานานกว่า 5 ปี บอกว่าไม่ตื่นตกใจกับข่าวนี้ เพราะมีการฉีดวัคซีนโรคสัตว์ ให้กับแมวตามคำแนะนำของสัตวแพทย์มาโดยตลอด และเป็นการเลี้ยงแบบระบบปิด รวมทั้งมีการดูแลป้องกันตัวเอง หากแมวเลีย หรือเล่นกับแมวทุกครั้ง จะล้างทำความสะอาดร่างกาย จึงไม่กังวล แต่ก็ฝากเตือนผู้เลี้ยงแมวว่าจะต้องดูแลความสะอาดของแมว และป้องกันตัวเอง โดยไม่ประมาทหากมีรอยแผล และบังเอิญถูกแมวข่วนก็ต้องรีบทำความสะอาดและพบแพทย์ เพื่อป้องกันอันตราย เพราะแมวก็มีเชื้อพิษสุนัขบ้า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับโรคแบคทีเรียกินเนื้อคน หรือโรคเนื้อเน่า เป็นการติดเชื้อแบคทีเรีย Streptococcus หรือที่เรียกว่าแบคทีเรียกินเนื้อคน เมื่อเชื้อเข้าสู่เนื้อเยื่อ โดยผ่านทางแผลเล็กที่ผิวหนัง เชื้อจะเจริญอย่างรวดเร็วและหลั่งสารพิษที่เรียกว่า Toxin ซึ่งจะทำลายเนื้อเยื่อ และทำให้เลือดมาเลี้ยงบริเวณนั้นไม่พอ เมื่อกล้ามเนื้อตาย เชื้อจะเข้ากระแสเลือดและลามไปทั่วร่างกาย