วันนี้ (11 ก.ค.2560) พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.ย้ำถึงการแก้ไขปัญหาราคายางพาราตกต่ำในขณะนี้ว่า ราคายางมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นลง ตามวงจรของเศรษฐกิจและปัจจัยต่างๆ ของโลก เช่น อัตราดอกเบี้ย หรืออัตราแลกเปลี่ยนราคาน้ำมัน ซึ่งรัฐบาลได้ออกมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร สถาบันเกษตรชาวสวนยาง และผู้ประกอบกิจการยางเป็นการเฉพาะ
นอกจากนี้รัฐบาลยังขยายเวลาการชำระหนี้เงินกู้โครงการพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตรกร และจัดทำโครงการมูลภัณฑ์กันชน เพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง และมุ่งเน้นที่การแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน เช่นตั้งกองทุนพัฒนายางพารา เพื่อให้ความช่วยเหลือ ส่งเสริม สนับสนุนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเกี่ยวกับยางพาราทั้งระบบ
พล.ท.สรรเสริญ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และการยางแห่งประเทศไทยเร่งสร้างการรับรู้อย่างต่อเนื่อง และทำความเข้าใจแก่พี่น้องเกษตรกรให้ลดความกังวลลง พร้อมกำชับกระทรวงพาณิชย์ให้ใช้โอกาสนี้ เร่งเจรจาจับคู่ธุรกิจการค้ายางและผลิตภัณฑ์ยาง และจัดคณะผู้แทนการค้ายางพาราออกไปเจรจาขายยางพาราและผลิตภัณฑ์ในตลาดต่างประเทศ ควบคู่กับการใช้ยางภายในประเทศโดยเฉพาะตลาดจีน ลาตินอเมริกา บังคลาเทศ และอิหร่าน ซึ่งคาดว่าจะช่วยกระตุ้นราคายางภายในประเทศให้ปรับตัวสูงขึ้นได้
เครือข่ายชาวสวนยางเตรียมยื่นแนวทางแก้ปัญหาราคายาง
นายธีธัช สุขสะอาด ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เปิดเผยถึงกรณีที่เครือข่ายยางและสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางพาราแห่งประเทศไทย จะเดินทาง ไปยื่นข้อเสนอแนวทางเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยาง ในการประชุมคณะอนุกรรมาธิการเกษตร ที่รัฐสภา ในวันนี้ ว่ารัฐบาลและกยท.พร้อมรับฟังข้อเรียกร้องต่างๆ ของเกษตรกรอย่างเต็มที่ และที่ผ่านมาได้ดำเนินการตามข้อเสนอกลุ่มเครือข่ายมาโดยตลอด ทั้งการนำสต็อกของรัฐมาใช้ และการนำ พ.ร.บ.ควบคุมยางมาใช้ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
เตรียมหารือหน่วยงานภาครัฐเพิ่มการใช้ยางในประเทศ
ในวันที่ 13 ก.ค.นี้ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะหารือหน่วยงานภาครัฐ เพื่อเพิ่มแนวการใช้ยางในประเทศ ซึ่งขณะนี้มี 9 หน่วยงานเสนอขอใช้ยางเพื่อการก่อสร้างต่าง ๆ แล้ว และเชื่อว่าในอีก 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า แนวโน้มราคายางพาราจะมีราคาสูงขึ้น เพราะจากปัจจัยบวกด้านความต้องการยางเพื่อใช้ใน ภาคอุตสาหกรรมมีมากขึ้น และราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น
นอกจากนี้ กยท. ยังเร่งเตรียมจัดตั้งกองทุนรักษาเสถียรภาพราคายาง โดยมีผู้ประกอบกิจการส่งออกยางรายใหญ่ของประเทศ ทั้ง 5 บริษัท ร่วมกับ กยท. ลงทุนร่วมกัน องค์กรละ 200 ล้านบาท เข้าซื้อยางในตลาด ซึ่งส่งผลดีต่อราคายาง และเป็นการปฏิบัติที่ชัดเจนภายใต้การร่วมมือกันของทุกภาคส่วน ซึ่งจะสามารถรักษาระดับราคา ผลักดันราคาให้อยู่ในระดับสมดุลอีก