วันนี้ (28 ส.ค.2560) นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ เปิดเผยก่อนการประชุมคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ว่า กรณีที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หลบหนีไม่มาฟังคำพิพากษาคดีจำนำข้าวนั้น ขณะนี้ยังไปไม่ถึงขั้นการอุทธรณ์ เนื่องจากศาลยังไม่มีคำพิพากษา ซึ่งต้องรอจนกว่าศาลจะตัดสิน
ทั้งนี้ ในกรณีดังกล่าวศาลสามารถอ่านคำพิพากษาลับหลังจำเลยได้ โดยศาลจะให้โอกาส 1 เดือน เพื่อให้จําเลยที่หลบหนีคดี กลับมาฟังคำพิพากษาด้วยตัวเองและยื่นอุทธรณ์ หากศาลพิพากษาให้มีความผิด
สำหรับขั้นตอนการยื่นอุทธรณ์ ตามร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณา คดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้กำหนดไว้ชัดเจน โดยปัจจุบันนี้ก็มีประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาได้รับรองเรื่องดังกล่าวไว้ โดยจำเลยจะต้องมาปรากฏตัวต่อศาลและมายื่นอุทธรณ์ด้วยตัวเอง
สำหรับการยึดทรัพย์ก็สามารถดำเนินต่อไปได้ โดยเฉพาะในส่วนของคดีแพ่ง สามารถดำเนินการยึดทรัพย์ได้ ตามที่ศาลสั่งให้มีการชดใช้ค่าเสียหาย ซึ่งในคดีแพ่งแม้จำเลยจะไม่อยู่ก็สามารถติดตามยึดทรัพย์ได้
แต่หากมูลค่าของทรัพย์ที่ศาลสั่งให้ชดใช้ค่าเสียหาย มีมากกว่ามูลค่าทรัพย์ที่จำเลยแจ้งอย่างเป็นทางการ เจ้าพนักงานจะต้องไปติดตามว่ามีทรัพย์สินส่วนใด หากเจ้าพนักงานมีข้อสงสัยว่าจำเลยได้มีการโอนทรัพย์สินไปให้บุคคลใด เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สามารถไปติดตามได้ว่าทรัพย์สินนั้นอยู่กับบุคคลใด ซึ่งหากบุคคลนั้นๆ มีหลักฐานมายืนยันได้ว่าเป็นทรัพย์สินของตัวเอง ก็สามารถแสดงหลักฐานพิสูจน์ว่าทรัพย์นั้นไม่ใช่ของจำเลย
นายมีชัย กล่าวว่า สำหรับกรณีการอุทธรณ์คดีของนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และจำเลย ในคดีจีทูจีนั้น ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล ซึ่งศาลต้องใช้ความระมัดระวัง เนื่องจากเคยมีตัวอย่างมาแล้วในกรณีที่ศาลพิจารณาให้จำเลยสามารถประกันตัวได้ในคดีอื่น และจำเลยหลบหนีคดีระหว่างประกันตัว