เป็นเวลากว่า 5 เดือนแล้ว ที่นายภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือ “เมย” นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 เสียชีวิตปริศนา ล่าสุด พ.ต.อ.สุธี แพทย์รังษี ทนายความ “ครอบครัวตัญกาญจน์” ให้สัมภาษณ์พิเศษกับไทยพีบีเอส เกี่ยวกับความคืบหน้าคดีนายภคพงศ์ว่า ขณะนี้ได้รับมอบหมายจากครอบครัวตัญกาญจน์ เพื่อต่อสู้คดีให้รัดกุมมากขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมา แม้ น.ส.สุพิชา ตัญกาญจน์ (เมี่ยง) พี่สาวนายภคพงศ์ ได้รวบรวมข้อมูลการเสียชีวิตของน้องชาย แต่ในความเป็นจริงก็พบว่า กว่าจะได้ข้อมูลแต่ละเรื่องเป็นไปด้วยความยากลำบากแม้ทีมทนายความได้เข้ามาช่วยก็ตามโดยเฉพาะการประสานงานกับหน่วยงานรัฐและผลการสอบสวนฉบับทางการจากกองทัพไทย (ชุดที่มี พล.อ.อ.ชวรัตน์ มารุ่งเรือง รองเสนาธิการทหารกองบัญชาการกองทัพไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการสอบสวน
เราพบว่ามีขั้นตอนปฏิบัติที่ลึกลับซับซ้อน บางสิ่งบางอย่างคิดว่าน่าจะขอได้ง่ายและควรได้รับการตอบสนอง แต่กลับไม่ง่าย เช่น หน่วยงานเกี่ยวข้องกับการชันสูตรพลิกศพ ประเด็นที่ครอบครัวค้นหา โดยเฉพาะการกล่าวหาว่าน้องเมย มีสถานภาพก่อนเสียชีวิตด้วยภาวะหัวใจล้มเหลว เป็นโรค แต่ข้อเท็จจริงคือนายภคพงศ์มีสุขภาพแข็งแรงมาก หรือการชันสูตรพลิกศพของ 2 สถาบัน (โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า และ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์) ที่เกี่ยวข้องให้ความเห็นไม่ตรงกัน สถาบันแรกบอกว่า ไม่พบความผิดปกติ แต่สถาบันหลังกลับพบความผิดปกติ
สำหรับการรวบรวมหลักฐานประกอบการฟ้องร้องนั้น ขณะนี้ทีมกฎหมายอยู่ระหว่างการรวบรวม หากข้อมูลที่ได้มาพาดพิงถึงบุคคลใด อย่างไร จนทำให้นายภคพงศ์เสียชีวิต ก็จะดำเนินการทางศาลต่อไป เพราะเบื้องต้นครอบครัวแจ้งความร้องทุกข์ในชั้นพนักงานสอบสวนแล้ว ที่ สภ.บ้านนา จ.นครนายก แต่ขณะนี้พบว่าล่าช้าในการทำสำนวนชันสูตรพลิกศพ ที่มี สภ.เมืองนครนายก รับผิดชอบ
พ.ต.อ.สุธี แพทย์รังษี กล่าวด้วยว่า ศพนายภคพงศ์ถูกผ่าพิสูจน์ขั้นแรกแล้วแต่ยังไม่มีการนำคดีขึ้นไต่สวนการตายซึ่งถือว่าล่าช้ามากจะด้วยเหตุผลใดก็แล้วแต่ ควรชี้แจงให้ญาติผู้เสียชีวิตทราบ ส่วนตัวเคยเป็นอดีตข้าราชการตำรวจมาก่อน การทำสำนวนชันสูตรพลิกศพทั่วไป จะใช้ระยะเวลาประมาณ 30 วันน่าจะจบได้แล้ว และถ้าจะขยายก็ได้ประมาณ 2 ครั้ง แต่ขณะนี้ผ่านไปแล้ว 150 วันยังไม่เสร็จ
ประกอบกับช่วงนี้ อยู่ในช่วงปรับเปลี่ยนนายตำรวจทั่วประเทศ ซึ่งรวมถึง สภ.บ้านนา และสภ.เมืองนครนายก ที่รับผิดชอบคดีจึงเป็นห่วงว่าอาจทำให้คดีล่าช้าจากเดิมอีกและในภาวะการทำงานเช่นนี้ของพนักงานสอบสวนในคดีสำคัญก็คงต้องใช้ความระมัดระวังพอสมควร รวมถึงการให้ข้อมูลใดๆ
ประเด็นที่ผมอยากได้คำตอบหรือความคืบหน้า คือการชันสูตรพลิกศพ เพราะยังไม่มีการนำสำนวนขึ้นไต่สวนการตายเลยว่า น้องเมยเสียชีวิตแบบที่เชื่อมเกี่ยวกับคดีอาญาหรือไม่ เพราะเป็นข้อมูลที่ทีมทนายจะได้เตรียมใช้ประกอบการซักค้านในช่วงวันไต่สวน เพราะหลักฐานต่างๆ ขณะนี้ชี้ได้ว่าน้องเมยถูกกระทำ เราต้องการได้ข้อยุติ ต้องการให้ศาลท่านรับทราบข้อมูลทั้งจากฝ่ายพนักงานสอบสวน และฝ่ายครอบครัวน้องเมย
สำหรับคดีการเสียชีวิตของนายภคพงศ์ ทางครอบครัวและทีมทนายความ วางประเด็นหลักไว้ 2 ช่วงเวลา คือ ก่อนที่นายภคพงศ์เสียชีวิต และช่วงนายภคพงศ์เสียชีวิต มีการแจ้งความผู้เกี่ยวข้องแล้วอย่างน้อย 2 คน ในคดีอยู่ในกระบวนการพิจารณาของศาลทหาร ในข้อหาทำร้ายร่างกาย และทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
สำหรับเหตุการณ์นี้ นายภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือ “เมย” นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 เสียชีวิตปริศนา เมื่อวันที่ 17 ต.ค.2560 หลังจากกลับเข้าโรงเรียนเตรียมทหารเพียง 1 วัน ซึ่งแพทย์โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าได้ชันสูตรศพ และระบุในใบรับรองการเสียชีวิตว่า เกิดจากหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน ทำให้ครอบครัวนำร่างของนายภคพงศ์ ผ่าพิสูจน์อีกครั้งที่ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ปรากฏว่า กระดูกซี่โครงหักและพบว่าอวัยวะภายในร่างกาย ทั้ง หัวใจ กระเพาะ ตับ ปอด และสมอง หายไป ขณะที่ทางคณะกรรมการสอบสวนของกองทัพไทย แถลงว่า นายภคพงศ์เสียชีวิตเพราะหัวใจล้มเหลวไม่ใช่ถูกซ้อมหรือทำร้ายร่างกายจนทำให้เสียชีวิต แต่ทางครอบครัวไม่เชื่อและนำไปสู่การตรวจสอบขณะนี้