รศ.ปณิธาน วัฒนายากร ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ประเมินสถานการณ์ในซีเรีย หลังสหรัฐฯ อังกฤษและฝรั่งเศส เปิดปฏิบัติการร่วมทางทหารโจมตีซีเรีย โดยระบุว่า กระทรวงกลาโหมติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด โดยมีการรายงานสถานการณ์อย่างต่อเนื่องจากผู้ช่วยทูตทหารในประเทศที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งในตะวันออกกลาง
ด้านกระทรวงการต่างประเทศ จับตาปฏิกิริยาจากจีนที่มีความใกล้ชิดกับรัสเซีย เพื่อดูท่าทีของจีนว่าจะส่งสัญญาณต่อเรื่องนี้อย่างไร ซึ่งพบว่าจีนยังแสดงท่าทีมากนัก ขณะที่ทางรัสเซีย มีถ้อยแถลงต่อเรื่องนี้แล้ว โดยหน่วยงานของไทยต้องติดตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและผลกระทบ รวมถึงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ่นกับคนไทยที่พักอาศัยในประเทศที่มีความขัดแย้ง แต่จากการตรวจสอบพบว่ามีผลกระทบน้อยมาก
นอกจากนี้ต้องรอดูทางสหประชาชาติว่าจะเรียกประชุมในฐานะที่ไทยเป็นประเทศสมาชิกและอาจจะมีบทบาทบ้างในการเรียกร้องให้ยุติความรุนแรงและสอบสวนการใช้อาวุธเคมี พร้อมติดตามความเคลื่อนไหวในเอเชีย โดยเฉพาะจีนที่อาจจะมีนโยบายสนับสนุนรัสเซีย โดยคาดว่าอีก 1-2 วันนี้อาจมีท่าทีจากจีนว่าจะเดินสายมาในเอเชียหรือไม่
รศ.ปณิธาน ระบุอีกว่า เหตุผลการโจมตีจากชาติตะวันตกกรณีการใช้อาวุธเคมี หากข้อเท็จจริงเรื่องนี้มีความชัดเจน เชื่อว่าท่าทีของรัสเซียจะไม่ขยับมากนัก เพราะการใช้อาวุธเคมีในแง่หนึ่งได้ผลรุนแรง แต่ก็จะถูกประณามด้วยเช่นกัน แต่หากหลักฐานไม่ชัดเจนก็อาจจมีการประท้วงรุนแรง จนไปถึงมีการโต้ตอบ
ส่วนประเด็นที่วิเคราะห์ถึงโอกาสเกิดสงครามเย็นรอบใหม่นั้น เป็นเรื่องที่ถูกพูดถึงในช่วงแรก แต่ส่วนตัวมองว่าการเผชิญหน้าจะมีมากขึ้นจริง แต่จะเป็นลักษณะสงครามตัวแทนที่มีความซับซ้อน โดยเฉพาะในแถบตะวันออกกลาง แต่ยังไม่กระจายมาถึงเอเชีย โดยดูจากท่าทีของสหรัฐฯ จีนและรัสเซีย