ไทยทีวีเตรียมแจ้งธนาคารระงับจ่ายแบงค์การันตี-จ่อฟ้อง กสทช.
นายสมบัติ ลีลาพตะ รักษาการรองเลขาธิการกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่าวันนี้ (15 มิ.ย.2558) เป็นวันสุดท้ายที่ครบกำหนดให้บริษัทไทยทีวี ผู้รับใบอนุญาตประมูลทีวิดิจิทัลของช่องไทยทีวีและโลก้า ต้องชำระค่าธรรมเนียมจากการประมูลทีวีดิจิทัลที่ค้างจ่ายอีก 5 งวด จากทั้งหมด 6 งวด เป็นเงินกว่า 1,600 ล้านบาท ซึ่งบริษัทสามารถชำระได้ภายในวันนี้ จนถึงเวลา 16.00 น. หากพันกำหนดแล้ว สำนักงาน กสทช.จะเสนอเรื่องให้ที่ประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง และกิจการโทรทัศน์ (กสท.) พิจารณาว่าจะใช้มาตราการทางปกครองอย่างไรต่อไป
สำหรับขั้นตอนทางปกครองในการถือครองใบอนุญาตนั้น บอร์ดอาจพิจารณาว่าจะเพิ่มมาตรการเป็น ”พักใช้” หรือ “เพิกถอน” ใบอนุญาตประกอบกิจการ เนื่องจากบริษัททำผิดเงื่อนไขไม่ชำระเงินค่าประมูลภายในระยะเวลาที่สำนักงาน กสทช. กำหนด ซึ่งแม้บริษัทไทยทีวีมีวัตถุประสงค์ต้องการคืนใบอนุญาตประกอบกิจการช่องทีวีในระบบดิจิทัล แต่การพิจารณาของบอร์ด กสท. จะมีผลต่อการถือครองใบอนุญาตประกอบกิจการช่องดาวเทียมที่บริษัท ไทยทีวีถือครองในปัจจุบัน และเป็นไปตามขั้นตอนการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ของสำนักงาน กสทช. ซึ่งการเสนอเรื่องให้บอร์ดพิจารณาคือวันที่ 22 มิ.ย.2558 แต่หากบอร์ดต้องเร่งพิจารณาก็อาจนัดประชุมเป็นวาระพิเศษภายในสัปดาห์นี้
ส่วนขั้นตอนการขอยึดเงินที่เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน (แบงค์ การันตี) นายสมบัติ ระบุว่าตามขั้นตอนหากบริษัทไทยทีวีไม่ชำระค่างวดภายในวันนี้ ทางสำนักงาน กสทช.จะทำหนังสือไปถึงธนาคารกรุงเทพในวันพรุ่งนี้ (16 มิ.ย.) ในฐานะผู้ให้ค้ำประกันกับบริษัท ไทยทีวี เพื่อแจ้งขอริบเงินค้ำประกันมูลค่า 1,634.4 ล้านบาทที่ไทยทีวีวางค้ำประกันไว้เมื่อเข้าร่วมประมูลใบอนุญาตทีวีดิจิทัล และทางธนาคารกรุงเทพจะต้องมีหนังสือแจ้งไปถึงบริษัทไทยทีวี ว่า จะยินยอม หรือมีข้อโต้แย้งหรือไม่ แต่โดยหลักแล้วทางธนาคารจะยินยอมจ่ายส่วนนี้ให้กับ กสทช. เพราะถือว่าเป็นความน่าเชื่อถือของธนาคาร จากนั้นธนาคารจะต้องไปเจรจากับทางบริษัทไทยทีวีเอง
ขณะที่นายสุชาติ ชมกุล คณะทำงานฝ่ายกฎหมายบริษัทไทยทีวี เปิดเผยว่าขณะนี้บริษัทกำลังรอหนังสืออย่างเป็นทางการจากธนาคารกรุงเทพ ซึ่งหากมีหนังสือแจ้งมาบริษัทก็จะทำหนังสือแจ้งกลับไปเพื่อขอสงวนสิทธิให้ธนาคารระงับการจ่ายแบงค์การรันตีให้ กสทช. เนื่องจากที่ผ่านมา กสทช. ดำเนินการล่าช้าไม่เป็นไปตามแผนงานในการเปลี่ยนผ่านสัญญาณการรับชมโทรทัศน์จากระบบอะนาล็อคไปสู่ดิจิทัล จนส่งผลทำให้บริษัทในฐานะผู้ประกอบกิจการช่องดิจิทัล 2 ช่อง ประสบปัญหาขาดทุนจำนวน 320 ล้านบาท รวมถึงแจ้งให้รับทราบว่าบริษัทอาจฟ้องร้องคดีต่อศาลในประเด็นปัญหาดังกล่าว ซึ่งทางธนาคารต้องใช้ดุลพินิจพิจารณาว่าจะจ่ายให้กับ กสทช.หรือไม่